xs
xsm
sm
md
lg

“ครูไทรโยค” รับเสียดายพระนักเทศน์ นักปฏิบัติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กาญจนบุรี - ครูไทรโยครับเสียดายพระนักเทศน์ นักปฏิบัติอย่างอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะ กว่า 10 ปี มูลนิธิมอบทุนให้เด็กนักเรียนกว่า 20 แห่ง ปีละนับล้านบาท

วันนี้ (30 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก อายุ 63 ปี ชาวญี่ปุ่น เจ้าอาวาสวัดสุนันทวนาราม สาขาวัดป่าพงที่ 117 หมู่ 8 ต.ไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ลาสิกขาแล้วเดินทางกลับไปประเทศญี่ปุ่น ทิ้งปริศนาให้แก่คนไทยทั้งประเทศ สงสัยว่าสึกที่ไหน เพราะเหตุอะไร ต่อมา วันที่ 27 มิถุนายน นางสุทธิรัตน์ มุตตามระ หรือ “แอน” นักธุรกิจหญิงนำภาพถ่ายคู่กับอดีตพระมิตซูโอะ ไปโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก 4 ภาพ แต่งกายในชุดนักท่องเที่ยว มีทั้งภาพกอดกัน นั่งซบกัน ถ่ายรูปร่วมกันอย่างสนิทสนมใกล้ชิด ทำให้พระอาจารย์หนูพรม สุชาโต รองเจ้าอาวาส รักษาการเจ้าอาวาสกล่าวกับสื่อมวลชนว่า รู้สึกตกใจกับภาพดังกล่าว

ต่อมา วันที่ 28 มิถุนายน มีคลิปวิดีโอออกมาเผยแพร่ โดยอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะ ควงแขนนางสุทธิรัตน์ ไปจดทะเบียนสมรสกันเรียบร้อยแล้ว ที่ จ.อิวาเตะ ประเทศญี่ปุ่น

ล่าสุด วันนี้ นายเริงฤทธิ์ ดีสวาท อายุ 56 ปี ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านเขาพัง หมู่ 3 ต.วังกระแจะ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี กล่าวว่า ตลอดระยะ 10 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิมายาโคตรมี ที่อดีตพระอาจารย์มิตซูโอะก่อตั้ง ได้มอบทุนการศึกษาให้นักเรียนที่มีฐานะยากจนแต่เรียนดีทุกปี และยังมอบทุนให้รงเรียนใช้จัดกิจกรรมทุกปี โดยเฉพาะกิจกรรมวันเด็ก สำหรับเด็กที่เรียนดีแต่ยากจน ทางมูลนิธิจะมอบทุนให้ตั้งแต่ชั้น ป.1 จนจบ ป.6 โดยมอบให้ปีละ 3,000 บาท ส่วนใหญ่จะเป็นโรงเรียนที่อยู่ตามชนบท ส่วนโรงเรียนเขาพัง ปีนี้มีเด็กรับทุน 3 คน

โดยรวมแล้วใน อ.ไทรโยค มีโรงเรียนที่ได้รับทุนการศึกษาประมาณ 20 โรงเรียน โดยส่วนตัวรู้สึกเสียดาย แต่ทุนที่มอบให้แก่เด็กนักเรียนนั้นคงไม่มีปัญหาอะไร

นายประกาษิต โรจนกุล อาจารย์ฝ่ายศึกษานิเทศก์ พื้นที่การศึกษาเขต 3 กล่าวว่า หลังทราบข่าวครั้งแรกตนรู้สึกตกใจ และงงอยู่เหมือนกัน น่าเสียดายที่พระดีต้องสึก เพราะเป็นทั้งพระนักเทศน์ และนักปฏิบัติที่ดีมาก รู้จักกับอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะ มาตั้งแต่ปี 2547 แต่ไม่ได้สนิทสนมกันเป็นส่วนตัว แต่รู้จักในฐานะที่ดูแลด้านคุณธรรม และจริยธรรม นำเด็กนักเรียนในพื้นที่การศึกษาเขต 3 ไปปฏิบัติธรรมที่วัดสุนันทวนาราม ปีละ 3 ครั้ง ตามโครงการของทางมูลนิธิ

เชื่อว่าหลังจากที่สึกจากความเป็นพระไปแล้ว คงไม่ส่งผลกระทบต่อเด็กที่จะไปปฏิบัติธรรม เพราะท่านได้วางแนวทางเอาไว้ดีแล้ว และหลังจากที่ท่านสึกแล้วกลับไปอยู่ประเทศญี่ปุ่น เบื้องต้นทราบจากสื่อต่างๆ ว่า ท่านป่วยเป็นโรคเบาหวาน และอยากกลับไปดูแลคนของประเทศบ้านเกิดเท่านั้น ไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่าท่านสึกออกไปเพราะต้องการแต่งงาน

ทั้งนี้ มีบุคคลที่มีชื่อเสียงออกมาวิพากษ์วิจารรืการกระทำของท่าเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะวงการสงฆ์ แต่เท่าที่รู้จักกับท่านมาตั้งแต่ปี 2547 หรือประมาณ 9 ปี ไม่เคยเห็นท่านไปยุ่งเกี่ยวเรื่องการเงินของมูลนิธิแม้แต่ครั้งเดียว เพราะรายได้จากการบริจาค หรือศิษยานุศิษย์ช่วยกันซื้อของที่ระลึกต่างๆ จะมีคณะกรรมการ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีดูแลอย่างเป็นระบบ สำหรับการวิพากษ์วิจารณ์คงขึ้นอยู่กับมุมมอง ส่วนตัวมองว่าขอให้เป็นไปตามกรรมของแต่ละบุคคลจะดีกว่า
กำลังโหลดความคิดเห็น