เชียงราย - ประชาชน และนักท่องเที่ยวในอำเภอเชียงแสน ต่างหวั่นวิตกยอดฉัตรบนเจดีย์หลวงจะหักหล่นลงมา เพราะมองเห็นสภาพการโค้งงอได้อย่างชัดเจน ด้านเทศบาลเตรียมขอให้กรมศิลป์เข้ามาดูแล เนื่องจากเป็นความรับผิดชอบ อีกทั้งมีการบูรณะได้เพียงปีเดียวก็จะหักอีก
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า ในปัจจุบันประชาชน และนักท่องเที่ยวทั่วไปที่เดินทางนมัสการพระธาตุเจดีย์หลวง ตั้งอยู่ภายในวัดเจดีย์หลวงภายในกำแพงเมืองประวัติศาสตร์เชียงแสน เทศบาล ต.เวียงเชียงแสน อ.เชียงแสน ต่างพบเห็นยอดฉัตรที่ตั้งอยู่ส่วนยอดสุดของเจดีย์เกิดการโค้งงออย่างเห็นได้ชัด โดยยอดเจดีย์ได้โค้งงอไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ แต่ยังไม่ถึงขั้นหักลงมา
ทั้งนี้ สภาพดังกล่าวเกิดขึ้น และมีผู้เริ่มพบเห็นความผิดปกติตั้งแต่ช่วงปลายเดือน เม.ย. จนถึงเดือน พ.ค.จึงปรากฏการโค้งงอลงอย่างชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งถึงปัจจุบัน
นายวารินทร์ สุต๊ะวงศ์ รองนายกเทศมนตรี ต.เวียงเชียงแสน กล่าวว่า พระธาตุเจดีย์หลวงเป็นโบราณสถานคู่เมืองเชียงแสน และเคยได้รับผลกระทบอย่างหนักจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งรุนแรงเมื่อปี 2554 จนทำให้องค์เจดีย์บิด และแตกร้าว รวมทั้งส่วนยอดหักโค่นลงมาถึงพื้นได้รับความเสียหายอย่างหนัก
ต่อมา กรมศิลปากรได้ทำการบูรณะซ่อมแซมด้วยงบประมาณราว 1.3 ล้านบาท เพราะภายในเขตวัดเป็นสถานที่ในการดูแลบูรณะของกรมศิลปากร โดยตรงทางเทศบาลไม่สามารถเข้าไปทำได้เองโดยตรง กระทั่งปัจจุบัน สภาพองค์เจดีย์ได้รับการบูรณะซ่อมแซมรวมทั้งประดิษฐานยอดฉัตร 9 ชั้นเอาไว้กว่า 1 ปีแล้ว
นายวารินทร์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามจากเหตุการณ์พายุฤดูร้อนพัดแรงมากในช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ได้เริ่มทำให้ยอดฉัตรโค้งงอ และเอียงลงไปเล็กน้อยราว 20 องศา โดยส่วนที่โค้งงอคือเหล็กเส้นที่ใช้เป็นแกนตั้งของฉัตรดังกล่าว
ทั้งนี้ หลายฝ่ายก็อยากให้ทางกรมศิลปากรเข้าไปซ่อมแซมบูรณะให้ตั้งตรงดังเดิมด้วย เพราะวัดแห่งนี้ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง ทำให้มีพุทธศาสนิกชน และนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศเดินทางไปเยือนมากเป็นอันดับ 2 ของอำเภอ ถัดจากวัดพระธาตุผาเงา ที่ตั้งอยู่ไม่ห่างกันมากนักด้วย โดยเทศบาลจะได้ประสานไปยังกรมศิลปากรต่อไป
นายศรีวงค์ ทาลังกา ประธานชมรมกลองยาววัดเจดีย์หลวง กล่าวว่า ช่วงเดือน เม.ย.มีทั้งปรากฏการณ์แผ่นดินไหวในประเทศพม่า แต่คงไม่ส่งผลกระทบต่อองค์เจดีย์และยอดฉัตรมากนัก แต่เชื่อว่าน่าจะเกิดแรงพายุฤดูร้อนที่พัดแรงมากในช่วงนั้น และส่วนของเหล็กเส้นที่ใช้เป็นแกนยึดโครงฉัตรมีขนาดเล็กเพียงแค่ 1 นิ้ว และอ่อนมากเกินไปทำให้เกิดการโค้งงอดังกล่าว
ด้านพระครูวิจารณ์ธรรมสุนทร เจ้าอาวาสวัดพระธาตุเจดีย์หลวง กล่าวว่า การโค้งงอของฉัตรดังกล่าวน่าจะเกิดจากพายุฤดูร้อนที่เกิดขึ้นหลายครั้ง ทำให้แม้ว่าแกนกลางจะทำด้วยเหล็กกล้าและตันก็ยังโค้งงอ แต่เนื่องจากมีความยืดหยุ่นได้พอสมควร จึงทำให้เพียงงอ และไม่ถึงกับหักลงมา กระนั้นก็สามารถมองเห็นสภาพดังกล่าวได้อย่างชัดเจน
ดังนั้น ทางวัดได้แจ้งไปยังกรมศิลปากรแล้ว และจะขอให้ทำการตรวจสอบอย่างละเอียดทั้งองค์เจดีย์ด้วย เพราะนอกจากแกนของฉัตรดังกล่าวแล้ว พบว่าที่รอยต่อส่วนบนเรียกว่าปล้องไฉนซึ่งได้รับการบูรณะไปก่อนหน้านี้แล้ว พบมีรอยร้าวเกิดขึ้นเป็นทางยาวประมาณ 50 ซม.ด้วย
สำหรับองค์พระธาตุเจดีย์หลวง เป็นโบราณสถานทรงระฆังแบบล้านนาที่มีความขนาดใหญ่มากที่สุดในเชียงแสน มีความสูง 88 เมตร และฐานกว้าง 24 เมตร อายุเก่าแก่ประมาณ 667 ปี สร้างในสมัยพระเจ้าแสนภู ซึ่งเป็นพระราชนัดดาของพ่อขุนเม็งรายมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านนาเมื่อปี พ.ศ.1887
เคยได้รับความเสียหายอย่างหนักจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ซึ่งมีศูนย์กลางในรัฐฉาน ประเทศพม่า เมื่อวันที่ 24 มี.ค.2554 วัดความแรงตามมาตราวัดริกเตอร์ได้กว่า 6.7 ริกเตอร์ ทำให้ยอดเจดีย์ซึ่งเป็นอิฐถือปูนหักโค่นลงมา และองค์เจดีย์บิดงอ และแตกร้าว ทำให้กรมศิลปากรได้เข้าไปบูรณะซ่อมแซมจนถึงปัจจุบันดังกล่าว