พระนครศรีอยุธยา - นายอำเภอท่าเรือกรุงเก่า นำคณะเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบโกดังเก็บข้าวสารบริษัท เจียงเม้ง หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้กระสอบข้าวสารตามโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล เมื่อคืนวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา ชี้สาเหตุอาจมาจากสารเคมีที่ใช้รมยาเพื่อป้องกันมอดแมลงเข้ามากัดกินข้าว ทำปฎิกิริยากับละอองไอน้ำ คาดเสียหายกว่า 5 แสนบาท
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (25 มิ.ย.) นายวิทิต ปิ่นนิกร นายอำเภอท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย พ.ต.อ.จิตเกษม สนขำ ผกก.สภ.ท่าเรือ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นางประพิศ มานะธัญญา กรรมการผู้จัดการบริษัทเจียงเม้ง และนายชัยรัตน์ บุญส่ง เจ้าหน้าที่กรมการค้าภายใน ได้ร่วมกันเข้าตรวจสอบโกดังเก็บข้าวที่ W5 ของบริษัท เจียงเม้ง เลขที่ 111 ม.5 ต.ศาลาลอย อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้กระสอบข้าวสารตามโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล เมื่อเวลา 19.30 น. คืนวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา
จากการตรวจสอบพบว่า โกดังที่เกิดเหตุเป็นโกดังเก็บข้าวสาร 15% มีกระสอบข้าวสารถูกไฟไหม้ได้รับความเสียหายจำนวน 20 กระสอบ เศษข้าวสารตกกระจายเกลื่อนพื้น บานประตูโกดังได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ ยังพบมีกระสอบข้าวสารที่ขาด และได้รับความเสียหายล้มลงมากองอยู่กับพื้นอีกจำนวนมาก ส่วนค่าเสียหายในเบื้องต้นคาดว่ากว่า 5 แสนบาท
นางประพิศ มานะธัญญา กรรมการผู้จัดการบริษัทเจียงเม้ง เปิดเผยว่า ทางบริษัทฯ ได้รับจ้างเก็บข้าวสารตามโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลปี 2555/56 ข้าวสารในโกดังมีทั้งหมด 136,918 กระสอบ เป็นข้าว 15% โดยข้าวสารทั้งหมดได้มีการรมยาเพื่อป้องกันมอดแมลงต่างๆ เข้ามากัดกิน โดยใช้สารเคมี ชื่อ อะลูมิเนียมฟอสไฟด์ ซึ่งเมื่อวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา พบว่าสารเคมีตัวนี้มีการทำปฏิกิริยากับน้ำ หรือละอองไอน้ำจนทำให้เกิดมีกลุ่มควันขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม จะต้องรอให้เจ้าหน้าที่ของบริษัทที่มารมยาข้าวสารเข้ามาตรวจสอบหาสาเหตุอย่างละเอียดก่อน
สำหรับสารเคมีที่ใช้รมยานี้จะมีลักษณะเป็นก้อน โดยจะใส่ไว้ในถุงผ้าขนาดเล็กแล้วนำไปผูกเอาไว้ตามจุดต่างๆ ของกองกระสอบข้าวทั่วโกดังทุก 3 เดือน จะมีการเปลี่ยนถุงสารเคมีใหม่ทั้งหมด
ด้านนายวิทิต ปิ่นนิกร นายอำเภอท่าเรือ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นทางบริษัทฯ แจ้งว่า ช่วงเกิดเหตุมีกลุ่มควันเกิดขึ้นภายในโกดัง 5 หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ ได้ช่วยกันนำน้ำยาดับเพลิงฉีด และย้ายกระสอบข้าวที่เกิดไฟไหม้ออกมา
ส่วนสาเหตุน่าจะมาจากสารเคมีที่ใช้รมยาทำปฏิกิริยากับละอองไอน้ำ ซึ่งช่วงที่เกิดเหตุมีฝนตกและลมแรงมาก ละอองฝนอาจจะเข้าไปภายในโกดังได้ ไม่น่าจะมาจากสาเหตุอื่น ปกติพบโกดังต่างๆ ที่รับเก็บข้าวในโครงการรับจำนำของรัฐบาลจะมีผู้เก็บกุญแจเปิดปิดโกดังข้าว 3 ฝ่าย คืออำเภอ เจ้าหน้าที่บริษัท และเจ้าหน้าที่กรมการค้าภายใน อย่างไรก็ตาม ต้องรอให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่บริษัทที่รมยามาตรวจสอบให้ละเอียดอีกครั้ง ซึ่งในวันที่ 29 มิ.ย.นี้จะมีการตรวจสอบโกดังข้าวทั้งหมด
“สำหรับโกดังที่เกิดเหตุหลังตรวจสอบจะเร่งให้ทางบริษัทดำเนินการทำประตูโกดังที่พังให้เสร็จโดยเร็วเพื่อป้องกันฝนที่ตกลงมาจะไปกระทบกับกองข้าว ซึ่งข้าวทั้งหมดในโกดัง อคส.ได้มีการทำประกันข้าวไม่น่าจะมีผลกระทบอะไร” นายวิทิตกล่าว
คลิกเพื่อชมคลิป