กว่าจะรู้ว่าประชานิยมทำต้นทุนชีวิตพุ่ง แต่คุณภาพสังคมตกต่ำ ก็กลับตัวไม่ทันแล้ว

ศูนย์ข่าวศรีราชา - ชาวนาแปดริ้วครวญ รบ.ยิ่งลักษณ์รับจำนำข้าว 1.5 หมื่นทั้งที่ไม่ได้ร้องขอ สุดท้ายไปไม่รอด ต้องลดราคาจำนำลง แต่ชาวบ้านกลับตัวไม่ทัน เพราะต้นทุนทำนาและค่าครองชีพทุกอย่างพุ่งสูงไปแล้ว ด้าน ปธ.ชมรมโรงสีข้าวฉะเชิงเทราจี้เลิกโครงการ เพราะบิดเบือนตลาดข้าว

ถ้ากล่าวแบบชาวบ้านผู้ที่กำลังเดือดร้อน ก็คงต้องบอกว่าสังคมนี้ยังไม่ได้อะไรเลยจากนโยบายประชานิยมอย่างที่ปรากฏ แต่กลับมีผลกระทบให้เห็นเป็นปัญหาที่สะท้อนกลับมาให้แก้อย่างไม่มีวันจบสิ้น หลังจากรัฐบาลใช้นโยบายเอาแต่ได้ เติมเชื้อไฟความโลภใส่สังคมให้โหมแรงขึ้น ด้วยการใช้นโยบายที่ไม่สอดคล้องความเป็นจริง ไม่ศึกษาถึงผลกระทบอย่างรอบด้าน แต่ทำเพียงเพื่อหวังผลในการเอาชนะทางการเมืองเท่านั้น

สิ่งที่สะท้อนออกมาให้เห็นและเป็นจริงแล้ว จากหลากหลายนโยบายที่ล้มเหลว ทำไม่ได้จริง แต่ส่งผลกระทบในระยะยาว เกิดความเสียหายต่อสังคมขึ้นมาอย่างรอบด้าน ทั้งความเป็นอยู่ที่ประชาชนต้องจำใจจ่ายซื้อสินค้าราคาแพงขึ้น รวมไปจนถึงความเสียหายต่อเงินงบประมาณของชาติ ที่ถูกละลายไปกับโครงการที่ล้มเหลว และการทุจริตคอร์รัปชั่นในขั้นตอนการดำเนินโครงการ

รังสรรค์ กาสูลงค์ วัย 64 ปี ชาวนาจากเขตพื้นที่ อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา หนึ่งในผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการรับจำนำข้าว สะท้อนปรากฏการณ์จากนโยบายรัฐประชานิยมที่ทำแล้วห้ามถอยว่า รัฐบาลจะลดราคาการรับจำนำข้าวจากตันละ 1.5 หมื่นบาทมาเป็น 1.2 หมื่นบาทไม่ได้ เหตุที่ไม่ได้ก็เพราะว่าต้นทุนการผลิตข้าวได้ขยับขึ้นสูงเป็นเงาตามตัวไปหมดแล้ว จากก่อนหน้า ทั้งปุ๋ย ทั้งยา รวมถึงค่าเช่านา และค่าแรงงาน ล้วนขึ้นราคาตามกันไปทั้งหมดแล้ว จากแต่ก่อน ขณะที่ชาวนาเองก็ไม่เคยเรียกร้องให้รัฐบาลตั้งราคาข้าวให้สูงขึ้นมาอยู่ที่ราคานี้มาก่อนเลย

เป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงของรัฐบาลชุดนี้ ที่เป็นผู้ที่ทำให้ทั้งต้นทุนการผลิต และราคาข้าวแพงขึ้นมาเอง โดยที่ไม่มีใครเคยเรียกร้องมาก่อน แม้แต่ชาวนาเองก็ยังไม่เคยเรียกร้องให้ใช้ราคานี้ จนต้นทุนการผลิตทุกด้านขยับสูงขึ้นติดตามมา อีกทั้งรัฐบาลยังเป็นผู้ที่ทำให้ค่าแรงงานขยับแพงขึ้นอีกด้วย จากนโยบายขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำวันละ 300 บาททั่วประเทศ

ขณะที่ สุทิน พรวงศ์ทอง วัย 72 ปี ประธานชมรมโรงสีข้าว จ.ฉะเชิงเทรา เจ้าของโรงสีข้าวนาทองพืชผล จำกัด ตั้งอยู่ในเขต ต.เสม็ดเหนือ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ผู้คร่ำหวอดในกระบวนการค้าข้าวมาอย่างยาวนาน กล่าวถึงโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลว่า ถือเป็นโครงการที่มีผลขาดทุนอย่างแน่นอน เหตุจากราคาข้าวในตลาดจริงทั้งในและนอกประเทศนั้น มีการซื้อขายกันอยู่ที่ตันละประมาณ 1 หมื่นบาท แต่ราคาที่รัฐบาลเปิดรับจำนำนั้นอยู่ที่ 1.5 หมื่นบาท ก็เห็นอยู่แล้วว่าขาดทุนเฉพาะส่วนต่างที่เกิดขึ้นนั้นมากถึงตันละ 5 พันบาทแล้ว

ในความเห็นส่วนตัวนั้น รัฐบาลควรควรเลิกโครงการนี้ หรือควรปรับลดราคาการรับจำนำให้สอดคล้องเหมาะสมกับตลาดจริง โครงการจึงจะอยู่รอดได้ในระยะยาว “ที่ผ่านมานั้น รัฐบาลทำให้ตลาดค้าข้าวถูกบิดเบือน และเป็นการทำลายตลาดเสรีในการค้าข้าว ทำให้ตลาดตายจนทำให้ผู้ประกอบการโรงสีไม่สามารถที่จะทำการค้าข้าวแข่งกับรัฐบาลได้ จึงถือเป็นการผูกขาดการค้าข้าวของรัฐบาลชุดนี้อย่างเห็นได้ชัด” เจ้าของโรงสีผู้ค้าข้าวมาเกือบตลอดทั้งชีวิตระบุ

ท่ามกลางกระแสของการทุจริตที่ส่งกลิ่นหึ่งไปทั่วทั้งในกระบวนการรับจำนำ การระบายข้าวเป็นข้าวถุงถูกใจที่สูญหายไป โดยมีตัวเลขที่ยังไม่ลงตัวกว่า 2.5 ล้านตัน และล่าสุดยังพบ ข้าวในโกดังที่โรงสี จ.พิจิตรหายไปจากกระบวนการรับจำนำ ขณะที่กลิ่นหืนข้าวขึ้นขี้มอดจากโกดังกลาง อตก.ที่ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ก็ยังไม่ทันจะจางหายไปจากจมูกชาวบ้านรอบๆ

นี่เป็นเพียงภาพสะท้อนส่วนหนึ่งถึงผลกระทบจากโครงการของรัฐบาล ที่ปรากฏออกมาให้ประชาชนได้เห็นแล้ว การใช้นโยบายประชานิยมของรัฐบาลชุดนี้ และนำพาประเทศชาติก้าวเดินไปอย่างผิดลู่ผิดทางมาตั้งแต่แรกเริ่ม สุดท้ายก็เกิดผลกระทบต่อประชาชนเอง ที่ต้นทุนการดำรงชีวิตของคนไทยทุกคนแพงขึ้น ประกอบกับหนี้สินจากโครงการเงินกู้ของรัฐบาลที่จะตกทอดไปจนถึงชั่วลูกชั้นหลาน นี่คงเป็นผลงานครั้งประวัติศาสตร์ชาติไทย และเป็นผลงานครั้งสำคัญชิ้นโบแดง ที่ของแพงทั้งแผ่นดินจากฝีมือของรัฐบาลชุดนี้ ท่ามกลางความเดือดร้อนที่ถอยร่นกลับคืนไม่ได้