พิษณุโลก - สสจ.สองแควแจงติดเชื้อ "เอชพีวี" ต้นเหตุมะเร็งปากมดลูก จากห้องน้ำสาธารณะเป็นไปได้ยากแม้พบเชื้อ หลังประชาชนตกใจข้อมูลการแพท ย์ระบุพบเชื้อตามห้องน้ำสาธารณะ ชี้สาวๆที่เปลี่ยนคู่นอนบ่อยเสี่ยงกว่ากันเยอะ แนะสตรีหมั่นตรวจคัดกรองป้องกันมะเร็งปากมดลูก
วันนี้(20 มิ.ย.)นพ.บุญเติม ตันสุรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด(สสจ.)พิษณุโลก เปิดเผยว่า กรณีทีมีประชาชนบางส่วน เกิดความหวั่นวิตกว่าจะติดเชื้อไวรัสเอชพีวี สาเหตุของการเกิดโดรคมะเร็งปากมดลูก หลังจากมีรายงานทางการแพทย์ระบุว่า สามารรถติดเชื้อดังกล่าวได้จากการสัมผัส รวมทั้งพบตัวอย่างเชื้อดังกล่าวในห้องน้ำสาธารณะว่า การติดเชื้อไวรัสเอชพีวีส่วนใหญ่เกิดจากการที่เชื้อเคลื่อนสู่เยื่อบุเซลล์ผิวปากมดลูกด้านล่าง ผ่านรอยฉีกขาดเล็กๆขณะมีเพศสัมพันธ์ ส่วนการพบเชื้อไวรัสเอชพีวีในห้องน้ำนั้น แม้จะมีเชื้อไวรัสเอชพีวีอยู่จริง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเกิดการติดเชื้อขึ้นได้โดยง่าย เพราะหากเชื้อไม่สามารถเข้าถึงช่องคลอดได้โดยตรง ก็จะไม่มีการติดเชื้อแต่อย่างใด ดังนั้นประชาชนจึงไม่ควรตื่นตระหนกกับเรื่องดังกล่าว
กรณีดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากการเผยแพร่ข้อมูลการเก็บตัวอย่างเพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสเอชพีวีจากสถานที่ต่างๆ ที่ดำเนินการโดยราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับภาควิชาพยาธิวิทยา คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ซึ่งระบุว่าจากการเก็บตัวอย่าง 100 ตัวอย่าง พบเชื้อไวรัสเอชพีวีร้อยละ 4 โดย พื้นที่ 4 จุดที่มีการค้นพบเชื้อไวรัสเอชพีวี ประกอบด้วย ด้ามกดชักโครกจากห้องน้ำหญิงในโรงเรียนกวดวิชาแห่งหนึ่ง ก๊อกน้ำล้างมือติดกับอ่างล้างมือในห้องน้ำชายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ที่รองนั่งโถส้วมในห้องน้ำหญิงจากผับแห่งหนึ่ง และที่รองนั่งโถส้วมในห้องน้ำชายจากผับอีกแห่งหนึ่ง ทำให้ประชาชนบางส่วนเกรงว่าอาจเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกจากการใช้ห้องน้ำสาธารณะได้
นพ.บุญเติม กล่าวว่า การมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย และการเปลี่ยนคู่นอนบ่อย มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปากมดลูก มากกว่าการใช้ห้องน้ำสาธารณะ ดังนั้นผู้หญิงจึงควรหาโอกาสทำการตรวจคัดกรองมะเร็งเป็นประจำทุกปี โดยควรจะเริ่มทำตั้งแต่เริ่มมีเพศสัมพันธ์ ทั้งนี้ในปัจจุบันการตรวจคัดกรองแบบ Pap Smear มีความแม่นยำสูงถึง 100% หากตรวจพอบเจอเชื้อไวรัสได้ก่อน ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสลุกลามเป็นมะเร็งปากมดลูกได้
ทั้งนี้ จ.พิษณุโลก มีประชาชนที่ได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกตั้งแต่ปี 2553-2556 ร้อยละ 69.07 โดยอ.นครไทย มีประชาชนเข้ารับการตรวจคัดกรองมากที่สุด ร้อยละ 97.62 รองลงมา คือ อ.วังทอง ร้อยละ 89.95 และอ.พรหมพิราม ร้อยละ 89.70 ขณะที่โรคมะเร็งทุกชนิดถือเป็นสาเหตุการตายในอันดับต้นๆ ของจ.พิษณุโลก ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
วันนี้(20 มิ.ย.)นพ.บุญเติม ตันสุรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด(สสจ.)พิษณุโลก เปิดเผยว่า กรณีทีมีประชาชนบางส่วน เกิดความหวั่นวิตกว่าจะติดเชื้อไวรัสเอชพีวี สาเหตุของการเกิดโดรคมะเร็งปากมดลูก หลังจากมีรายงานทางการแพทย์ระบุว่า สามารรถติดเชื้อดังกล่าวได้จากการสัมผัส รวมทั้งพบตัวอย่างเชื้อดังกล่าวในห้องน้ำสาธารณะว่า การติดเชื้อไวรัสเอชพีวีส่วนใหญ่เกิดจากการที่เชื้อเคลื่อนสู่เยื่อบุเซลล์ผิวปากมดลูกด้านล่าง ผ่านรอยฉีกขาดเล็กๆขณะมีเพศสัมพันธ์ ส่วนการพบเชื้อไวรัสเอชพีวีในห้องน้ำนั้น แม้จะมีเชื้อไวรัสเอชพีวีอยู่จริง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเกิดการติดเชื้อขึ้นได้โดยง่าย เพราะหากเชื้อไม่สามารถเข้าถึงช่องคลอดได้โดยตรง ก็จะไม่มีการติดเชื้อแต่อย่างใด ดังนั้นประชาชนจึงไม่ควรตื่นตระหนกกับเรื่องดังกล่าว
กรณีดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากการเผยแพร่ข้อมูลการเก็บตัวอย่างเพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสเอชพีวีจากสถานที่ต่างๆ ที่ดำเนินการโดยราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับภาควิชาพยาธิวิทยา คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ซึ่งระบุว่าจากการเก็บตัวอย่าง 100 ตัวอย่าง พบเชื้อไวรัสเอชพีวีร้อยละ 4 โดย พื้นที่ 4 จุดที่มีการค้นพบเชื้อไวรัสเอชพีวี ประกอบด้วย ด้ามกดชักโครกจากห้องน้ำหญิงในโรงเรียนกวดวิชาแห่งหนึ่ง ก๊อกน้ำล้างมือติดกับอ่างล้างมือในห้องน้ำชายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ที่รองนั่งโถส้วมในห้องน้ำหญิงจากผับแห่งหนึ่ง และที่รองนั่งโถส้วมในห้องน้ำชายจากผับอีกแห่งหนึ่ง ทำให้ประชาชนบางส่วนเกรงว่าอาจเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกจากการใช้ห้องน้ำสาธารณะได้
นพ.บุญเติม กล่าวว่า การมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย และการเปลี่ยนคู่นอนบ่อย มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปากมดลูก มากกว่าการใช้ห้องน้ำสาธารณะ ดังนั้นผู้หญิงจึงควรหาโอกาสทำการตรวจคัดกรองมะเร็งเป็นประจำทุกปี โดยควรจะเริ่มทำตั้งแต่เริ่มมีเพศสัมพันธ์ ทั้งนี้ในปัจจุบันการตรวจคัดกรองแบบ Pap Smear มีความแม่นยำสูงถึง 100% หากตรวจพอบเจอเชื้อไวรัสได้ก่อน ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสลุกลามเป็นมะเร็งปากมดลูกได้
ทั้งนี้ จ.พิษณุโลก มีประชาชนที่ได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกตั้งแต่ปี 2553-2556 ร้อยละ 69.07 โดยอ.นครไทย มีประชาชนเข้ารับการตรวจคัดกรองมากที่สุด ร้อยละ 97.62 รองลงมา คือ อ.วังทอง ร้อยละ 89.95 และอ.พรหมพิราม ร้อยละ 89.70 ขณะที่โรคมะเร็งทุกชนิดถือเป็นสาเหตุการตายในอันดับต้นๆ ของจ.พิษณุโลก ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
