ศูนย์ข่าวขอนแก่น - มูลนิธิไฟเซอร์ประเทศไทย สานต่อการสนับสนุนทุนการศึกษาเพื่ออบรมแพทย์ต่อยอดแพทย์ลาว ที่มาศึกษาคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยมอบทุนการศึกษากว่า 1.7 ล้านบาท ผลิตบุคลากรเสริมวงการสาธารณสุขไทย และอินโดจีน
สายวันนี้ (14 มิ.ย.) ที่ห้องประชุม 2 อาคารเรียนรวมและห้องปฏิบัติการ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น นายคริสเตียน มัลเฮอร์บี กรรมการมูลนิธิไฟเซอร์ประเทศไทย พร้อมด้วย รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น รศ.ดร.วันเลี่ยม บัวระวง รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ และ ดร.บันซา อุปะถานา รองหัวหน้าห้องการฝ่ายบริหารและร่วมมือต่างประเทศ มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ ตัวแทนองค์กรเฮลธ์ ฟรอนเทียร์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ร่วมกันส่งมอบข้อตกลงความร่วมมือ “โครงการสนับสนุนการฝึกอบรมแพทย์ต่อยอดสำหรับแพทย์ลาว”
นายมัลเฮอร์บี กล่าวว่า มูลนิธิไฟเซอร์ประเทศไทย ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ และองค์กรเฮลธ์ ฟรอนเทียร์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จัดพิธีมอบทุนการศึกษาต่อเนื่องแพทย์ลาว ประกอบด้วย กุมารแพทย์ลาว รุ่นที่ 1 จำนวน 2 ทุน และรุ่นที่ 2 อีกจำนวน 1 ทุน รวมทั้งอายุรแพทย์ลาว รุ่นที่ 2 อีกจำนวน 1 ทุน รวมเป็น 4 ทุน เป็นเงิน 680,000 บาท
นอกจากนี้ มูลนิธิยังให้การสนับสนุนทุนการศึกษาแก่นักศึกษาคณะแพทยศาสตร์ และคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น อีกรวม 20 ทุน เป็นเงิน 1,100,000 บาท รวมเป็นเงินทุนการศึกษา จำนวน 24 ทุน เป็นเงินทั้งสิ้น 1,780,000 บาท
ซึ่งถือเป็นการดำเนินการตามภารกิจหลักของมูลนิธิ คือ การยกระดับคุณภาพชีวิตคน โดยทางมูลนิธิไฟเซอร์ประเทศไทย เล็งเห็นความสำคัญของการส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรด้านสาธารณสุขทั้งของประเทศไทย และในอินโดจีน ซึ่งการสนับสนุนทุนการศึกษาแก่แพทย์ลาว และนักศึกษาไทยนั้น ผู้รับทุนได้ผ่านการเลือกสรรถึงคุณสมบัติที่เหมาะสม ทั้งผลการเรียน และจิตอาสาในการร่วมทำกิจกรรมเพื่อสังคม สามารถทำประโยชน์ช่วยส่วนรวม และประเทศชาติของตนในอนาคต
นายมัลเฮอร์บี กล่าวอีกว่า ในปี 2556 นี้ มูลนิธิยังได้สนับสนุนเงิน จำนวน 392,000 บาท เพื่อปรับปรุงบ้านพักชั่วคราวของผู้ป่วยโรคเรื้อรังและครอบครัว ที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ภายในมหาวิทยาลัยขอนแก่นด้วย
ทั้งนี้ ในส่วนของแพทย์ลาวที่ได้รับทุนไม่มีข้อผูกมัดกับมูลนิธิ แต่เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วต้องกลับไปทำงานในฐานะอาจารย์ประจำสถาบันฝึกหัดแพทย์ และ/หรือ โรงพยาบาลในเครือ เพื่อพัฒนาความรู้ให้แก่แพทย์ลาวคนอื่นๆ ต่อไป
สายวันนี้ (14 มิ.ย.) ที่ห้องประชุม 2 อาคารเรียนรวมและห้องปฏิบัติการ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น นายคริสเตียน มัลเฮอร์บี กรรมการมูลนิธิไฟเซอร์ประเทศไทย พร้อมด้วย รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น รศ.ดร.วันเลี่ยม บัวระวง รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ และ ดร.บันซา อุปะถานา รองหัวหน้าห้องการฝ่ายบริหารและร่วมมือต่างประเทศ มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ ตัวแทนองค์กรเฮลธ์ ฟรอนเทียร์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ร่วมกันส่งมอบข้อตกลงความร่วมมือ “โครงการสนับสนุนการฝึกอบรมแพทย์ต่อยอดสำหรับแพทย์ลาว”
นายมัลเฮอร์บี กล่าวว่า มูลนิธิไฟเซอร์ประเทศไทย ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ และองค์กรเฮลธ์ ฟรอนเทียร์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จัดพิธีมอบทุนการศึกษาต่อเนื่องแพทย์ลาว ประกอบด้วย กุมารแพทย์ลาว รุ่นที่ 1 จำนวน 2 ทุน และรุ่นที่ 2 อีกจำนวน 1 ทุน รวมทั้งอายุรแพทย์ลาว รุ่นที่ 2 อีกจำนวน 1 ทุน รวมเป็น 4 ทุน เป็นเงิน 680,000 บาท
นอกจากนี้ มูลนิธิยังให้การสนับสนุนทุนการศึกษาแก่นักศึกษาคณะแพทยศาสตร์ และคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น อีกรวม 20 ทุน เป็นเงิน 1,100,000 บาท รวมเป็นเงินทุนการศึกษา จำนวน 24 ทุน เป็นเงินทั้งสิ้น 1,780,000 บาท
ซึ่งถือเป็นการดำเนินการตามภารกิจหลักของมูลนิธิ คือ การยกระดับคุณภาพชีวิตคน โดยทางมูลนิธิไฟเซอร์ประเทศไทย เล็งเห็นความสำคัญของการส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรด้านสาธารณสุขทั้งของประเทศไทย และในอินโดจีน ซึ่งการสนับสนุนทุนการศึกษาแก่แพทย์ลาว และนักศึกษาไทยนั้น ผู้รับทุนได้ผ่านการเลือกสรรถึงคุณสมบัติที่เหมาะสม ทั้งผลการเรียน และจิตอาสาในการร่วมทำกิจกรรมเพื่อสังคม สามารถทำประโยชน์ช่วยส่วนรวม และประเทศชาติของตนในอนาคต
นายมัลเฮอร์บี กล่าวอีกว่า ในปี 2556 นี้ มูลนิธิยังได้สนับสนุนเงิน จำนวน 392,000 บาท เพื่อปรับปรุงบ้านพักชั่วคราวของผู้ป่วยโรคเรื้อรังและครอบครัว ที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ภายในมหาวิทยาลัยขอนแก่นด้วย
ทั้งนี้ ในส่วนของแพทย์ลาวที่ได้รับทุนไม่มีข้อผูกมัดกับมูลนิธิ แต่เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วต้องกลับไปทำงานในฐานะอาจารย์ประจำสถาบันฝึกหัดแพทย์ และ/หรือ โรงพยาบาลในเครือ เพื่อพัฒนาความรู้ให้แก่แพทย์ลาวคนอื่นๆ ต่อไป
