อ่างทอง - คนร้ายดักปล้นฆ่าเสี่ยหนุ่มใหญ่ ชาวอำเภอไชโย ชิงทอง 7 บาทกลางดึก ขณะขึ้นรถยนต์ออกจากบ้านพักกลางทุ่ง เผยคนร้ายซุ่มอยู่จ่อยิง 2 นัด แล้วไล่ยิงเมียก่อนปลดทรัพย์หนีหายไปในความมืด
เมื่อเวลา 04.00 น. วันนี้ (11 มิ.ย.) พ.ต.ท.สุพิศ แจ้งสว่าง สารวัตร สภ.ไชโย จ.อ่างทอง ได้รับแจ้งเหตุมีคนถูกยิงเสียชีวิตอยู่ที่บริเวณบ้านไม่มีเลขที่กลางทุ่งนาหมู่ 7 ต.จระเข้ร้อง อ.ไชโย จ.อ่างทอง จึงรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ไชโย เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่วีอาร์กู้ภัย รุดไปที่เกิดเหตุพบศพนายวิโรจน์ มากสินธุ์ อายุ 46 ปี บ้านเลขที่ 63/2 หมู่ 4 ต.จรเข้ร้อง อ.ไชโย จ.อ่างทอง ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตข้างรถยนต์โตโยต้าวีโก้ สี่ประตูสีดำ ป้ายแดง ที่บริเวณทางออกบ้านไม่มีเลขที่หมู่ 7 ต.จระเข้ร้อง อ.ไชโย จ.อ่างทอง
โดยสภาพศพถูกค้นร้ายใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดยิง 2 นัด ที่บริเวณหลังไหล่ซ้ายทะลุกลางท้อง และที่เอวด้านซ้ายมือทะลุเอวด้านขวา นอนจมกองเลือดเสียชีวิตอยู่ห่างจากบ้านพัก ที่เป็นปูนชั้นเดียวถึง 10 เมตร เบื้องต้นมีทรัพย์สินที่หายไป มีสร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท และแหวนทองคำหนัก 2 บาท หายไป แต่กระเป๋าสตางต์ที่มีเงินอยู่ประมาณหนึ่งหมื่นบาทอยู่ภายในกระเป๋ากางเกงยังอยู่
จากการสอบสอบสวนเบื้องต้น นางรัตภัตน์ สมแก้ว อายุ 33 ปีบ้านเลขที่ 54 หมู่ 12 ต.บ้านข่อย อ.เมือง จ.ลพบุรี ภรรยาผู้เสียชีวิตให้การว่า เมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. ขณะที่ตนเองนอนหลับอยู่ในบ้านพักหลังดังกล่าว ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2 นัด ทำให้ตกใจตื่นลุกขึ้นจากมุ้งออกมาเปิดประตูบ้านพบค้นร้ายเป็นชายรูปร่างผอมสูงยืนอยู่หน้าประตูบ้านหันปืนยิงมาทางตนเอง 2 นัด ตนจึงวิ่งหนีออกไปทางหลังบ้าน ไปขอความช่วยเหลือญาติที่มีบ้านอยู่ห่างออกไปประมาณ 500 เมตร และกลับเข้ามาในที่เกิดเหตุพบว่า สามีถูกยิงเสียชีวิตแล้ว พร้อมกับมีทรัพย์สินที่เป็นทองหายไป จำนวน 7 บาท
เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นจาก นางรัตภัตน์ ภรรยา ทราบว่า นายวิโรจน์ เป็นพ่อค้าหมูในตลาดไชโย และในช่วงกลางดึกมักออกไปส่งหมูที่ตลาดไชโยทุกวัน และจะกลับเข้าบ้านพักที่บริเวณกลางทุ่งนาที่ปลูกไว้เป็นที่เลี้ยงวัวอีก 6 ตัว โดยมีภรรยาเป็นคนเฝ้าบ้านในตอนกลางคืน ซึ่งนายวิโจน์ เป็นคนมีฐานะดี และใส่สร้อยคอทองคำ และแหวนอยู่เป็นประจำ ทำให้คนร้ายที่รู้เวลาเข้าออกบ้านกลางทุ่งนา และเปลี่ยวอยู่เป็นประจำจึงลงมือดักปล้นในขณะที่กำลังขึ้นรถยนต์ แต่นายวิโรจน์ ทำการขัดขืนจึงยิงทำให้เสียชีวิต
และขณะที่กำลังปลดทรัพย์สินอยู่นั้น ภรรยาได้ที่ยินเสียงปืนตื่นขึ้นมาจึงไปควานหาปืนพกของสามีขนาด .38 ที่เคยซุกไว้ให้ตนเองป้องกันตัวอยู่ไต้หมอนที่นอนแต่หาไม่พบและออกมาดูที่ประตูเห็นคนร้ายเป็นชายรูปร่างสูงใหญ่ใช้ปืนหันมายิงตนเองจึงวิ่งหนีออกจากบ้านไปขอความช่วยเหลือจากญาติที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 500 เมตร ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งติดตามหาพยานหลักฐานเบาะแส และรูปพรรณของคนร้ายเพื่อนำคนร้ายที่ลงมืออย่างเหี้ยมโหดมาดำเนินคดีต่อไป