ราชบุรี - คนร้ายขับรถยนต์เก๋งสีดำไม่ทราบหมายเลขทะเบียนฝ่าสายฝนยิงถล่มเต็นท์ขายรถ “ผู้ใหญ่บ้านคนดัง” บ้านโป่ง เจ้าหน้าที่เชื่อเกี่ยวกับการเลือกตั้ง “กำนันตำบลหนองอ้อ” ในวันพรุ่งนี้ หลังผู้ใหญ่บ้านคนดังเคยถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าไปยุ่งเลือกตั้งกำนัน มาแล้ว
เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (6 มิ.ย.) ร.ต.อ.สิทธิเดช สิงห์ชินสุข พนักงานสอบสวน สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงถล่มใส่เต็นท์รับซื้อขายรถยนต์ “ศูนย์รวมรถยนต์บ้าน สามแยกกระจับ” เลขที่ 33 ริมถนนเพชรเกษม (เก่า) หมู่ 9 ต.หนองอ้อ อ.บ้านโป่ง จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.อิทธิพล ชลายนเดชะ ผกก.สภ.บ้านโป่ง จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบ นายประยูร รักดี อายุ 49 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 ต.หนองอ้อ อ.บ้านโป่ง ซึ่งเป็นผู้กว้างขวาง และเป็นเจ้าของเต็นท์ซื้อขายรถดังกล่าว กำลังเดินสำรวจรถยนต์ภายในเต็นท์ที่จอดอยู่
จากการตรวจสอบพบว่า รถยนต์ยนต์กระบะ จำนวน 4 คัน และรถยนต์เก๋งอีก 1 คัน ถูกกระสุนปืนที่กระจก และตัวรถได้รับความเสียหาย ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบหัวกระสุนปืน ขนาด.357 จำนวนหนึ่งตกอยู่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวน นายประยูร ทราบว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาได้เดินทางไปธุระโดยไม่ได้กลับเข้าบ้าน ซึ่งปลูกอยู่ด้านหลังเต็นท์ขายรถ แต่ได้ให้นายรุ่งโรจน์ รักดี อายุ 28 ปี หลานชาย นอนเฝ้าเต็นท์รถแทน ส่วนกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงถล่มใส่เต็นท์รถของตนครั้งนี้ มีพยานหลายคนที่เห็นเหตุการณ์เล่าให้ฟังว่า ช่วงเวลากลางดึกเมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะฝนกำลังตกได้มีกลุ่มคนร้ายใช้รถยนต์เก๋งสีดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ขับมาจอดริมถนนด้านหน้าเต็นท์ขายรถ
จากนั้นคนร้ายที่นั่งเบาะหน้าด้านซ้ายได้ลดกระจกลงแล้วใช้อาวุธปืนยิงถล่มใส่ 6 นัดซ้อน หลังจากนั้น คนร้ายได้ขับรถหลบหนีมุ่งหน้าทางสามแยกกระจับ จนกระทั่งเช้า นายประยูร ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จึงรีบเดินทางกลับมาดู พร้อมแจ้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ส่วนสาเหตุนั้นน่าจะมาจากเรื่องของการเลือกตั้งกำนันตำบลหนองอ้อ ซึ่งจะมีการเลือกตั้งกำนันแทนตำแหน่งที่ว่างลงในวันที่ 7 มิ.ย.นี้ ที่ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอบ้านโป่ง โดยการเลือกตั้งกำนันครั้งนี้ ใช้กฎหมายใหม่ คือ ให้ผู้ใหญ่บ้านแต่ละหมู่ลงคะแนนโหวตเสียงเลือกกำนันกันเอง และก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน นายประยูร ได้ถูกโทรศัพท์ข่มขู่ ไม่ให้เข้ามายุ่งกับการเลือกตั้งกำนันมาแล้ว กระทั่งเกิดเหตุการณ์คนร้ายบุกยิงถล่มใส่เต็นท์ขายรถยนต์ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เร่งสืบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง พร้อมกับติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป