ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - อดีตผู้ใหญ่บ้าน พร้อมชาวบ้านบุกศาลากลางเชียงใหม่ร้องศูนย์ดำรงธรรม หลังพบการบุกรุกพื้นที่ป่าอำเภอฝาง แฉคนลงมือไม่ใช่ใครเป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ 17 แต่มารุกป่าหมู่ 6 เผยเอารถไถถางป่าจนได้ที่เพิ่มอีกกว่า 10 ไร่ แถมก่อนหน้ายังเคยเอาที่ ส.ป.ก.ไปขายให้แรงงานต่างด้าว วอนผู้ว่าฯ ช่วยตรวจสอบหลังยื่นเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่กลับไร้ความคืบหน้า
ชาวบ้านจากหมู่ที่ 6 ตำบลเวียง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 7 คน นำโดยนายจันทร์ หนองหิน อายุ 58 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ตำบลเวียง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ เดินทางมายังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนกรณีการบุกรุกพื้นที่ป่าในเขตบ้านสันทรายคองน้อย หมู่ที่ 6 ของนายกมล ณะคำปา ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 17 ตำบลเวียง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่
โดยกลุ่มผู้ร้องเรียนอ้างว่าได้พบเห็นการบุกรุกพื้นที่ป่าในเขตบ้านสันทรายคองน้อย หมู่ที่ 6 เมื่อวันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา จึงได้แจ้งให้คณะกรรมการหมู่บ้านและผู้ใหญ่บ้านทราบ ก่อนจะเข้าไปตรวจสอบว่าผู้ใดเป็นผู้ทำการบุกรุกพื้นที่ดังกล่าว จนกระทั่งสืบทราบว่าบุคคลที่ทำการบุกรุกป่าในจุดดังกล่าวคือนายกมล ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 17 ตำบลเวียง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ โดยนายกมลได้ใช้รถไถส่วนตัวเข้าไปไถพรวนและล้มต้นไม้ในป่า จนตนเองได้พื้นที่เพิ่มจากที่ครอบครองอยู่เดิมอีกถึงประมาณ 10 ไร่
กลุ่มผู้ร้องเรียนระบุว่า การกระทำของนายกมลในลักษณะนี้ไม่ใช่ครั้งแรก โดยในปี 2551 นายกมลได้เคยซื้อที่ดินในพื้นที่ป่าสงวน เนื้อที่ 8 ไร่ ก่อนจะทำการบุกรุกพื้นที่เพิ่มอีกประมาณ 30 ไร่ นอกจากนี้ยังมีการนำที่ดิน ส.ป.ก.ในพื้นที่หมู่ 6 มาขายให้แรงงานต่างด้าว ซึ่งเรื่องดังกล่าวชาวบ้านในพื้นที่เคยทำการร้องเรียนมายังหน่วยงานราชการแล้วในปี 2551 และการมาร้องเรียนในครั้งนี้ก็ได้นำสำเนาร้องเรียนเมื่อปี 2551 มาด้วย เพื่อขอให้ทางศูนย์ดำรงธรรมได้พิจารณากรณีดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง
นายจันทร์กล่าวว่า การเข้าร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมในครั้งนี้ได้นำหลักฐานรูปถ่ายดาวเทียมและภาพของคณะกรรมการหมู่บ้านที่เข้าไปตรวจสอบการบุกรุกป่า รวมถึงรายชื่อของชาวบ้านที่ไม่เห็นด้วยกับการบุกรุกป่าในหมู่ 6 บ้านสันทรายคองน้อยจำนวน 300 รายชื่อหลังจากพบว่ามีการบุกรุกป่า ทางกลุ่มได้ทำหนังสือแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 นายอำเภอ และป่าไม้รับทราบ แต่ปรากฏว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ คณะกรรมการหมู่บ้านพร้อมด้วยชาวบ้านจึงอยากขอความกรุณาผู้ว่าราชการจังหวัดได้ช่วยทำการไต่สวนถึงสาเหตุที่เรื่องดังกล่าวเงียบหายและไม่มีความคืบหน้าในการแก้ปัญหาด้วย