ศูนย์ข่าวศรีราชา - ชาวบ้านชุมชนตลาดสัตหีบ 100 ปี หนีตายโกลาหลหลังทราบข่าวมือดีวางระเบิด M67 หลังร้านขายตุ๊กตากลางเมือง ตำรวจพื้นที่เร่งหาข้อมูลล่ามือป่วนดำเนินคดี คาดชนวนเหตุมาจากการขัดผลประโยชน์ที่ดิน
เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (3 มิ.ย.) ร.ต.ท.อุบล วงศ์คำชัย ร้อยเวรสอบสวน สภ.สัตหีบ ได้รับแจ้งจาก นางงาน หนูขจัด อายุ 52 ปี เจ้าของร้านสัตหีบตุ๊กตา ตั้งอยู่เลขที่ 0115 กลางชุมชนตลาด 100 ปี สัตหีบ ถนนเลียบชายทะเล ม.1 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ว่า ถูกมือดีนำระเบิดไม่ทราบชนิดมาวางไว้บริเวณหลังร้าน จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมประสานหน่วยเก็บกู้ระเบิด EOD ชุดถอดทำลายอมรภัณฑ์ กรมสรรพาวุธทหารเรือ เข้าทำการเก็บกู้
ในที่เกิดเหตุพบชาวบ้านกำลังหนีตายโกลาหล ส่วนการจราจรบนถนนดังกล่าวมีรถยนต์ติดขัดเป็นแนวยาว ส่วนจุดพบระเบิดพบเป็นสถานที่ที่อยู่ระหว่างการรื้อถอนเพื่อเตรียมการก่อสร้างใหม่
โดยนายบุญช่วย สันโส อายุ 39 ปี คนงานก่อสร้างผู้พบวัตถุระเบิด ได้ทำการเคลื่อนย้ายลูกระเบิดด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ด้วยการนำวัตถุระเบิดใส่ถุงผ้าดำไปทิ้งไว้ใกล้ทะเลห่างไกลผู้คน ก่อนนำยางรถยนต์คลุมกั้นลูกระเบิดไว้
กระทั่งเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบ พบเป็นระเบิดมือชนิด M67 สภาพใหม่ที่สลักยังไม่ถูกถอด จึงเก็บกู้เพื่อนำไปตรวจหาที่มาของระเบิดก่อนจะทำลายทิ้ง
ขณะที่ น.อ.คมพันธ์ อุปลานนท์ ผอ.กองยุทธการและข่าว ฐานทัพเรือสัตหีบ ได้ประสานขอรับการสนับสนุนสารวัตรทหารเรือกว่า 10 นาย เข้าเคลียร์พื้นที่เพื่อความปลอดภัยของประชาชน
จากการสอบปากคำ นางงาน หนูขจัด เจ้าของร้านตุ๊กตาซึ่งถูกนำระเบิดมาวางไว้ให้การว่า วานนี้ (2 มิ.ย.) ขณะที่ตนได้ว่าจ้างช่างมาทำการรื้อถอนตัวบ้านเพื่อเตรียมก่อสร้างใหม่ ได้เกิดมีปากเสียงกับคู่กรณี เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวยังอยู่ในกรณีพิพาท แต่ก็ยังไม่มีใครพบระเบิด กระทั่งเช้าวันนี้ ช่างก่อสร้างได้วิ่งมาบอกว่า พบลูกระเบิดวางไว้ตรงจุดก่อสร้าง พร้อมเขียนคำขู่ไว้ที่กำแพงปูน โดยมีข้อความว่า “ปากดีกินถั่ว ปากชั่วกินลูกปืน” จึงคาดว่าน่าจะเป็นการกระทำของคู่กรณีอย่างแน่นอน
ด้าน ร.ต.ท.อุบล วงศ์คำชัย ร้อยเวรเจ้าของคดีกล่าวว่า เหตุการณ์มีมือดีนำระเบิดมาวางไว้ใจกลางชุมชนได้สร้างความปั่นป่วนให้แก่ชาวบ้าน และหน่วยงานในพื้นที่อย่างมาก และจากข้อมูลทราบว่า คนร้ายจงใจวางระเบิดเพื่อข่มขู่ไม่ใช่เป็นการสร้างสถานการณ์ในพื้นที่
เบื้องต้นได้ให้ผู้เสียหายแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน พร้อมรายงานผู้บังคับบัญชาให้รับทราบ ก่อนส่งชุดสืบสวนออกติดตามหาตัวคนร้ายต่อไป