อุตรดิตถ์ - เครือข่ายประชาชนเมืองลับแล นำผ้าเหลืองผืนใหญ่พันรอบตอสน 100 ปี หน้าสถานีรถไฟฯ หลังถูกเทศบาลตัดโค่นเหลือแต่ตอ และใบที่แห้งกรอบ พร้อมเขียนป้ายบอก “หายใจต่อไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น”
รายงานข่าวจากจังหวัดอุตรดิตถ์แจ้งว่า ประชาชนในเขตเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ที่รวมตัวกันเป็น “เครือข่ายประชาชน หยุดเทศบาลตัดโค่นต้นไม้ในเมือง” นำผ้าเหลืองผืนใหญ่มาพันโอบรอบต้นสนขนาดเท่ากับ 2 คนโอบ อายุราว 100 ปี บริเวณวงเวียนหอนาฬิกา หน้าสถานีรถไฟอุตรดิตถ์หลังเก่า ถนนสำราญรื่น เขตเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ พร้อมเขียนข้อความดัวยตัวอักษรสีดำขนาดใหญ่ 2 แถว เพื่อให้กำลังใจต้นสนต้นดังกล่าวว่า “หายใจต่อไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น” เพราะต้นสนต้นนี้พร้อมกับต้นไม้จำนวนมากในเขตเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ ถูกนายสำราญ เอื้อจิระวาณิชย์ นายกเทศมนตรีเมืองอุตรดิตถ์ สั่งให้เจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ ทำการตัดโค่น จากปกติมีความสูงราว 30-40 เมตร แต่ปัจจุบันเหลือความสูงเพียงไม่ถึง 10 เมตร หรือเหลือแต่ตอ และใบที่แห้งกรอบเพียงประปราย หากมองผิวเผินด้านนอกคล้ายต้นที่สนตายแล้ว
จากการสอบถามประชาชนอยู่ย่านดังกล่าวทราบว่า ต้นสนต้นนี้ปลูกพร้อมกับต้นที่อยู่ห่างออกไปทางทิศเหนือราว 50 เมตร ระหว่างที่มีการสร้างอาคารสถานีรถไฟอุตรดิตถ์หลังเก่าราว 100 ปีก่อน เพื่อให้ร่มเงาแก่ประชาชนที่มาใช้บริการสถานีรถไฟ และประชาชนทั่วไปในเขตเทศบาล นอกจากนี้เด็กนักเรียนโรงเรียนอนุบาลอุตรดิตถ์ยังใช้เป็นจุดยืนรอผู้ปกครองมารับหลังเลิกเรียน เพราะมีร่มเงาเย็นสบาย
ชาวเมืองอุตรดิตถ์ยังบอกอีกว่า ไม่เพียงต้นสน 100 ปีต้นนี้เท่านั้นที่ถูกเทศบาลฯตัดโค่นทิ้ง ยังมีต้นไม้บริเวณถนนฤดีเปรม หน้าอาคารส่วนราชการคลัง หรือถนนสายโรงรถจักรดีเซล การรถไฟแห่งประเทศไทย จ.อุตรดิตถ์ ที่มีอายุกว่า 20 ปี ก็ถูกเจ้าหน้าที่เทศบาลต้นโค่นทิ้งหลายร้อยต้น พอถูกชาวบ้านต่อต้าน เทศบาลฯ ได้จัดซื้อต้นไม้มาปลูกทดแทนเพียงบางส่วนเท่านั้น
