เลย - หัวหน้าอุทยานฯ ภูกระดึงเผย หลังไฟไหม้ทุ่งหญ้าบนภูกระดึงครั้งใหญ่เป็นผลดีมากกว่าผลเสีย พันธุ์ไม้ได้ขยายพันธุ์ ระบบนิเวศทั้งของสัตว์และพืชเป็นไปตามวัฏจักรธรรมชาติ คืนความสมบูรณ์สู่ผืนป่าอีกครั้ง ภูกระดึงจะกลับมาสวยกว่าเดิม ดอกไม้ ใบหญ้า ป่าสนพร้อมบานรับนักท่องเที่ยวในฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมาได้เกิดไฟป่าไหม้บนทุ่งหญ้า ป่าสนบนอุทยานแห่งชาติภูกระดึงหลายครั้ง โดยไฟป่าได้ลุกไหม้เป็นบริเวณกว้าง ตั้งแต่แนวเส้นทางเดินสระแก้วไปยังผานาน้อย ไปจนถึงผาเหยียบเมฆ ลามลงไปที่น้ำตกถ้ำใหญ่ น้ำตกธารสวรรค์ และได้ไหม้ไปถึงดอนมน บริเวณป่าปิด ได้สร้างความเสียหายแก่อุทยานแห่งชาติภูกระดึงเป็นอย่างมาก และไฟป่าดังกล่าวได้เผาผลาญอย่างหนักสุดในรอบ 18 ปี
นายฑิตศักดิ์ สุริยาชัยวัฒนะ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูกระดึง เปิดเผยว่า จากการที่เกิดไฟไหม้บนภูกระดึงได้สร้างความเสียหายรวมทั้งสิ้น 812 ไร่ ผลที่เกิดกับภูกระดึงน่าจะเป็นผลดีหลังไฟไหม้ เรื่องแรกคือเรื่องของกลุ่มหมอกควันไฟที่ภูกระดึง ไฟได้ไหม้ในที่สูง เพราะฉะนั้นในเรื่องของหมอกควันจึงไม่มีปัญหาผลกระทบต่อชาวบ้าน เพราะกลุ่มของหมอกควันจะลอยตัวขึ้นสูง
หลังจากที่ได้เกิดไฟไหม้ในปีนี้ถือว่ามีความรุนแรงสูง จากที่เศษไม้ใบหญ้าได้สะสมมาหลายปีน่าจะประมาณ 4 ปีมาแล้วที่ไม่ได้เกิดไฟไหม้บนภูกระดึง ทำให้มีเชื้อเพลิงสะสมมากทำให้ความรุนแรงของไฟมีมากขึ้น ประจวบกับปีนี้มีอุณหภูมิที่ร้อนจัด ตามลักษณะนิเวศบนภูกระดึงจะเป็นทุ่งหญ้าป่าสน ระบบทุ่งหญ้าป่าสนจะต้องมีไฟเกิดขึ้น ตามวัฏจักรของป่าสนคือต้องให้มีไฟไหม้ทุกปี และเมื่อมีไฟไหม้ทุ่งหญ้าไปแล้ว ทุ่งหญ้าก็จะเกิดการงอกของต้นหญ้าใหม่ แต่ถ้าไม่เกิดไฟไหม้ตัวหญ้าจะสะสม หญ้าที่จะเกิดจากยอดอ่อนข้างล่างก็ไม่สามารถขึ้นมาได้
ส่วนผลดีอีกกรณีหนึ่งคือ ในเรื่องของการเกิดของต้นสน เมื่อลูกสนตกมาจากต้นแล้วถ้าตกอยู่บนกอหญ้าลูกสนไม่ถึงพื้นก็อยู่บนกอหญ้าจึงไม่มีโอกาสงอกเจริญเติบโต ตามธรรมชาติของลูกสนเมื่อถูกไฟไหม้ และไหม้หญ้าลูกสนก็จะตกถึงพื้นดินก็จะมีโอกาสงอกขึ้นมาสูง ไฟจะเป็นตัวเร่งเปลือกของลูกสนทำให้เกิดการงอก พอฝนตกลงมาลูกฝนก็จะงอกทันที
สิ่งที่เราได้เห็นหลังจากได้เกิดไฟไหม้ในเรื่องของสัตว์ป่า ธรรมชาติของกวางตามเนื้อตัวจะมีพวกแมลงที่อยู่บนตัวประเภทเห็บ หลังจากไฟไหม้ทำให้เกิดขี้เถ้า ฝูงกวางจำนวนมากจะเข้าไปนอนคลุกขี้เถ้าเพื่อไล่แมลงตามตัวที่เป็นไปตามระบบนิเวศของเขา
ปัญหาอีกอย่างหนึ่งของภูกระดึงในตอนนี้คือ ภูกระดึงได้รับผลกระทบจากการรุกของป่าดิบชื้น ทำให้ป่าทุ่งหญ้าป่าสนลดน้อยลง คือระบบนิเวศไม่เป็นไปตามวัฏจักร การที่เราได้กันไฟเยอะๆ ต้นผักกูดจะขึ้นเป็นดงหนาทึบ และต่อไปจะทำให้เกิดเป็นป่าไม้เบญจพรรณ ทำให้พื้นที่ของป่าสนเริ่มลดน้อยลงไปมาก
การฟื้นฟูของป่าหลังไฟไหม้ได้พบว่าต้นสนได้รับความเสียหายประมาณ 20% เพราะว่าบางต้นไฟได้ไหม้เฉพาะช่วงล่าง หลังจากที่ฝนได้ตกลงมาต้นสนได้แตกยอดออกเป็นสีเขียว และจะกลับมาตามสภาพดังเดิมและจะสวยกว่าเดิม เพราะบางต้นเมื่อถูกไฟทำให้กิ่งก้านหงิกงอทำให้สวยงามไปอีกแบบหนึ่ง
สำหรับการท่องเที่ยวในฤดูหน้าในธรรมชาติบนภูกระดึงก็จะกลับมาสวยกว่าเดิม คือความทึบความรกของทุ่งหญ้าก็จะลดน้อยลง ตามธรรมชาติภูกระดึงเมื่อก่อนเราจะมองเห็นทุ่งหญ้า แต่ปัจจุบันเราจะมองเห็นเป็นบางช่วงจะเป็นป่าละเมาะจะไม่เห็นเป็นทุ่งหญ้าโล่ง
แต่เมื่อได้เกิดไฟไหม้แล้วจะพบว่ามีหญ้าต้นอ่อนเกิดขึ้นมาใหม่ ป่าละเมาะ ป่าเบญจพรรณจะหายไป และได้เกิดทุ่งหญ้าโล่งกว้างเหมือนเดิม และอีก 4 เดือนเราจะปิดการท่องเที่ยวเพื่อพักฟื้นของป่าตามธรรมชาติ พอถึงเดือน ธ.ค.เปิดฤดูกาลท่องเที่ยว ภูกระดึงก็จะกลับมาสวยกว่าเดิม ดอกไม้ ใบหญ้า ป่าสน ก็พร้อมจะรับนักท่องเที่ยวในฤดูกาลหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมาได้เกิดไฟป่าไหม้บนทุ่งหญ้า ป่าสนบนอุทยานแห่งชาติภูกระดึงหลายครั้ง โดยไฟป่าได้ลุกไหม้เป็นบริเวณกว้าง ตั้งแต่แนวเส้นทางเดินสระแก้วไปยังผานาน้อย ไปจนถึงผาเหยียบเมฆ ลามลงไปที่น้ำตกถ้ำใหญ่ น้ำตกธารสวรรค์ และได้ไหม้ไปถึงดอนมน บริเวณป่าปิด ได้สร้างความเสียหายแก่อุทยานแห่งชาติภูกระดึงเป็นอย่างมาก และไฟป่าดังกล่าวได้เผาผลาญอย่างหนักสุดในรอบ 18 ปี
นายฑิตศักดิ์ สุริยาชัยวัฒนะ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูกระดึง เปิดเผยว่า จากการที่เกิดไฟไหม้บนภูกระดึงได้สร้างความเสียหายรวมทั้งสิ้น 812 ไร่ ผลที่เกิดกับภูกระดึงน่าจะเป็นผลดีหลังไฟไหม้ เรื่องแรกคือเรื่องของกลุ่มหมอกควันไฟที่ภูกระดึง ไฟได้ไหม้ในที่สูง เพราะฉะนั้นในเรื่องของหมอกควันจึงไม่มีปัญหาผลกระทบต่อชาวบ้าน เพราะกลุ่มของหมอกควันจะลอยตัวขึ้นสูง
หลังจากที่ได้เกิดไฟไหม้ในปีนี้ถือว่ามีความรุนแรงสูง จากที่เศษไม้ใบหญ้าได้สะสมมาหลายปีน่าจะประมาณ 4 ปีมาแล้วที่ไม่ได้เกิดไฟไหม้บนภูกระดึง ทำให้มีเชื้อเพลิงสะสมมากทำให้ความรุนแรงของไฟมีมากขึ้น ประจวบกับปีนี้มีอุณหภูมิที่ร้อนจัด ตามลักษณะนิเวศบนภูกระดึงจะเป็นทุ่งหญ้าป่าสน ระบบทุ่งหญ้าป่าสนจะต้องมีไฟเกิดขึ้น ตามวัฏจักรของป่าสนคือต้องให้มีไฟไหม้ทุกปี และเมื่อมีไฟไหม้ทุ่งหญ้าไปแล้ว ทุ่งหญ้าก็จะเกิดการงอกของต้นหญ้าใหม่ แต่ถ้าไม่เกิดไฟไหม้ตัวหญ้าจะสะสม หญ้าที่จะเกิดจากยอดอ่อนข้างล่างก็ไม่สามารถขึ้นมาได้
ส่วนผลดีอีกกรณีหนึ่งคือ ในเรื่องของการเกิดของต้นสน เมื่อลูกสนตกมาจากต้นแล้วถ้าตกอยู่บนกอหญ้าลูกสนไม่ถึงพื้นก็อยู่บนกอหญ้าจึงไม่มีโอกาสงอกเจริญเติบโต ตามธรรมชาติของลูกสนเมื่อถูกไฟไหม้ และไหม้หญ้าลูกสนก็จะตกถึงพื้นดินก็จะมีโอกาสงอกขึ้นมาสูง ไฟจะเป็นตัวเร่งเปลือกของลูกสนทำให้เกิดการงอก พอฝนตกลงมาลูกฝนก็จะงอกทันที
สิ่งที่เราได้เห็นหลังจากได้เกิดไฟไหม้ในเรื่องของสัตว์ป่า ธรรมชาติของกวางตามเนื้อตัวจะมีพวกแมลงที่อยู่บนตัวประเภทเห็บ หลังจากไฟไหม้ทำให้เกิดขี้เถ้า ฝูงกวางจำนวนมากจะเข้าไปนอนคลุกขี้เถ้าเพื่อไล่แมลงตามตัวที่เป็นไปตามระบบนิเวศของเขา
ปัญหาอีกอย่างหนึ่งของภูกระดึงในตอนนี้คือ ภูกระดึงได้รับผลกระทบจากการรุกของป่าดิบชื้น ทำให้ป่าทุ่งหญ้าป่าสนลดน้อยลง คือระบบนิเวศไม่เป็นไปตามวัฏจักร การที่เราได้กันไฟเยอะๆ ต้นผักกูดจะขึ้นเป็นดงหนาทึบ และต่อไปจะทำให้เกิดเป็นป่าไม้เบญจพรรณ ทำให้พื้นที่ของป่าสนเริ่มลดน้อยลงไปมาก
การฟื้นฟูของป่าหลังไฟไหม้ได้พบว่าต้นสนได้รับความเสียหายประมาณ 20% เพราะว่าบางต้นไฟได้ไหม้เฉพาะช่วงล่าง หลังจากที่ฝนได้ตกลงมาต้นสนได้แตกยอดออกเป็นสีเขียว และจะกลับมาตามสภาพดังเดิมและจะสวยกว่าเดิม เพราะบางต้นเมื่อถูกไฟทำให้กิ่งก้านหงิกงอทำให้สวยงามไปอีกแบบหนึ่ง
สำหรับการท่องเที่ยวในฤดูหน้าในธรรมชาติบนภูกระดึงก็จะกลับมาสวยกว่าเดิม คือความทึบความรกของทุ่งหญ้าก็จะลดน้อยลง ตามธรรมชาติภูกระดึงเมื่อก่อนเราจะมองเห็นทุ่งหญ้า แต่ปัจจุบันเราจะมองเห็นเป็นบางช่วงจะเป็นป่าละเมาะจะไม่เห็นเป็นทุ่งหญ้าโล่ง
แต่เมื่อได้เกิดไฟไหม้แล้วจะพบว่ามีหญ้าต้นอ่อนเกิดขึ้นมาใหม่ ป่าละเมาะ ป่าเบญจพรรณจะหายไป และได้เกิดทุ่งหญ้าโล่งกว้างเหมือนเดิม และอีก 4 เดือนเราจะปิดการท่องเที่ยวเพื่อพักฟื้นของป่าตามธรรมชาติ พอถึงเดือน ธ.ค.เปิดฤดูกาลท่องเที่ยว ภูกระดึงก็จะกลับมาสวยกว่าเดิม ดอกไม้ ใบหญ้า ป่าสน ก็พร้อมจะรับนักท่องเที่ยวในฤดูกาลหน้า