นครสวรรค์ - ชาวบ้านปากน้ำโพ เจอพายุฤดูร้อนถล่ม 2 วันติด ทำให้บ้านเรือนพังเสียหายเกือบครึ่งร้อยหลังคาเรือน ขณะที่ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมเจ้าพระยาหวิดดับยกครัว หลังพายุพัดสนยักษ์ล้มทับบ้านพังทั้งหลัง
รายงานข่าวจากจังหวัดนครสวรรค์ แจ้งว่า ขณะนี้ชาวบ้านหมู่ 1 และหมู่ 10 ต.เกรียงไกร อ.เมืองนครสวรรค์ กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก หลังถูกพายุฤดูร้อนพัดกระหน่ำซ้ำถึง 2 ครั้งในระยะ 2 วันที่ผ่านมา โดยรอบแรกได้เกิดพายุพัดถล่มเมื่อเย็นวันที่ 19 พ.ค.56 ทำให้บ้านเรือนได้รับความเสียหาย 36 หลัง จากนั้นในเย็นวันที่ 20 พ.ค.56 ก็มีพายุพัดถล่มในจุดเดิม ทำให้บ้านเรือนชาวบ้านเสียหายเพิ่มเป็นกว่า 40 หลังคาเรือน นอกจากยังมีต้นไม้หักโค่น สายไฟฟ้าขาด
ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบครั้งแรกยังไม่ทันจะซ่อมแซมบ้านเรือนเสร็จ ก็ถูกพายุถล่มซ้ำอีก ส่งผลให้บ้านเรือนเสียอย่างหนักไม่สามารถเข้าอยู่อาศัยได้ เบื้องต้น องค์การบริหารส่วนตำบลท้องถิ่น เร่งเข้าสำรวจความเสียหายเพื่อเตรียมทำการช่วยเหลือแล้ว
นายจำรอง มีรัตน์ อายุ 43 ปี บ้านเลขที่ 89 ม.10 ต.เกรียงไกร อ.เมือง จ.นครสวรรค์ กล่าวว่า ช่วงเย็นวันที่ 19 พ.ค.56 ที่ผ่านมา พายุพัดถล่มบ้านจนเสียหาย แต่ยังไม่ทันจะซ่อมแซม แล้วช่วงเย็นวันที่ 20 พ.ค.56 กลับถูกพายุฝนพัดถล่มซ้ำ ส่งผลให้บ้านเรือนเสียหายทั้งหมด ฝาบ้าน หลังคาสังกะสีปลิวไปกับลม ที่นอน หมอน มุ้ง เครื่องครัว เสียหายทั้งหมดไม่สามารถอาศัยอยู่ได้เลย ตอนนี้จึงต้องอาศัยอยู่บ้านของญาติไปก่อน
ขณะเดียวกัน ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาเขตเทศบาลตำบลพยุหะ อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ ก็ได้รับผลกระทบจากพายุพัดต้นสนขนาดใหญ่ล้มทับจนบ้านพังยับเยิน
นางสิริรักษ์ ปั้นทอง อายุ 49 ปี ม.6 ต.พยุหะ อ.พยุหะคีรี จ. นครสวรรค์ เจ้าของบ้านที่ได้รับความเสียหายเล่าว่า เมื่อช่วงหัวค่ำวานนี้ฝนตก และลมพัดแรง ทำให้ต้นสนขนาดใหญ่อายุไม่ต่ำกว่า 50 ปี ซึ่งยืนต้นตายมานาหลายเดือนหักโค่นทับบ้านของตน จนตัวบ้านที่สร้างด้วยไม้หลังคาสังกะสีได้รับความเสียหายทั้งหลัง เครื่องใช้ไฟฟ้า ทั้งหม้อหุงข้าว ตู้เย็น เตารีด และอื่นๆ ต่างได้รับความเสียหายทั้งหมด
“โชคดีที่เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นระหว่างที่เจ้าของบ้าน และลูกออกไปซื้อของที่ตลาด หากอยู่ภายในบ้านคาดว่าจะมีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน เนื่องจากกิ่งต้นไม้ขนาดใหญ่ที่หักโค่นลงมานั้นทับลงตรงที่นอนของลูกสาวพอดี”
เบื้องต้น เทศบาลตำบลพยุหะคีรี ได้เข้าตรวจสอบและประเมินความเสียหายแล้วโดยจะคิดจากทรัพย์สินที่เสียหายทั้งหมดมาคำนวณเป็นตัวเงิน ได้ประมาณ 30,000 บาท เป็นค่าซ่อมแซมบ้าน แต่นางสิริรักษ์ และครอบครัวยังไม่พอใจเนื่องจากต้นไม้ดังกล่าวเป็นต้นไม้ที่อยู่ในความรับผิดชอบของเทศบาล ประกอบกับขณะนี้ ครอบครัวของนางสิริรักษ์ ยังไม่มีที่ซุกหัวนอน