ประจวบคีรีขันธ์ - ทหารพราน พบผืนป่าต้นน้ำเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุทยานเสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร ด้านทิศเหนือตอนบน อำเภอบางสะพานน้อย ประจวบคีรีขันธ์ ถูกนายทุนโค่นเผาย่อยยับกว่า 6 หมื่นไร่ อัดยับหน่วยงานเกี่ยวข้องมีแต่ประชุม จะจัดการ จะออกตรวจ ซึ่งก็ได้แต่พูด พอออกจากห้องประชุมทุกอย่างก็ไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้น
วันนี้ (19 พ.ค.) พ.ต.เฉลิมพล คุปตะวาทิน ผบ.ร้อย ทหารพรานที่ 1404 พร้อมทหารหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก กองกำลังสุรสีห์ นำกำลังพลเข้าไปยังเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุทยานเสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร (ด้านทิศเหนือตอนบนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์) พื้นที่อำเภอบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ตั้งแต่ช่วงเวลา 24.00 น. ของคืนที่ผ่านมา) ทั้งการใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อโฟร์วีลล์ และการเดินเท้า เข้าตรวจสอบพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ หลังจากมีรายงานจากชาวบ้าน และนักอนุรักษ์ในพื้นที่ว่า พื้นที่เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า ซึ่งเป็นต้นน้ำที่สำคัญของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดชุมพร ซึ่งอยู่ตอนในห่างชายแดนไทยพม่าเพียง 1 กิโลเมตร สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 380 ฟุต มีการโค่นป่า แผ้วถางพื้นที่เพื่อนำมาปลูกพืชเชิงเดี่ยวเป็นบริเวณกว้าง ซึ่งการเดินทางเข้าพื้นที่เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากเป็นพื้นที่ภูเขาสูงชัน สลับซับซ้อน และบางช่วงต้องใช้การเดินเท้าเข้าไปเท่านั้น และยังต้องคอยหลบเลี่ยงจากการส่งสัญญาณของกลุ่มที่คอยเป็นต้นทาง ซึ่งนายทุนจะมีการว่าจ้างคอยตรวจสอบความเคลื่อนไหวของกลุ่มเจ้าหน้าที่ซึ่งจะเข้าไปยังในผืนป่าอนุรักษ์ เพราะหากตรวจพบกลุ่มคนเหล่านี้นจะส่งสัญญาณด้วยการยิงพลุแจ้งให้กลุ่มที่โค่นป่าทราบทันที
จนกระทั่งกองร้อยทหารพรานที่ 1404 และหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก กองกำลังสุรสีห์ สามารถเข้าไปยังพื้นที่ได้สำเร็จ และกระจายกำลังเข้าตรวจสอบพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุทยาน เสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร ด้านทิศเหนือตอนบน ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา พบมีการตั้งบ้านเรือน โรงเรือนสำหรับกรีดยาง ซึ่งส่วนใหญ่มีแรงงานต่างด้าวทั้งชาวพม่า มอญ ที่รับจ้างกรีดยางอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่พบว่าเข้ามารับจ้างโดยผิดกฎหมาย
นอกจากนั้น ยังพบว่าเส้นทางบางช่วงที่เข้าสู่ชั้นใน มีการใช้ไม้ไผ่มาปูบนพื้นดินเพื่อเป็นการส่งสัญญาณว่า หากมีกลุ่มเจ้าหน้าที่ฯ เข้ามา เดินผ่านบนไม้ไผ่ก็จะส่งเสียงดังทันที นอกจากนั้น ยังมีการเจาะทำเส้นทางเข้าไปยังป่าที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ในพื้นที่ชั้นใน ซึ่งติดชายแดนไทยพม่า เพื่อเป็นเส้นทางที่จะขนเครื่องมือ และกำลังคนเข้าไปโค่นป่ายึดพื้นที่
พ.ต.เฉลิมพล คุปตะวาทิน ผบ.ร้อยกองกำลังทหารพรานที่ 1404 พร้อมกำลังพล ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่พบว่า สภาพภูเขาหลายจุดซึ่งเป็นป่าต้นน้ำหลายจุดผืนสุดท้ายของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุทยานฯ กำลังถูกคุกคามอย่างหนักจากกลุ่มนายทุนที่มีการว่าจ้างให้ชาวไทยพลัดถิ่น และกลุ่มคนเข้าโค่นป่า และเผาเป็นบริเวณกว้างยังคงมีควันไฟจากการเผาจุดที่มีการโค่นป่า โดยกลุ่มนายทุนพวกนี้จะใช้วิธีการเจาะไข่แดง จากป่าชั้นในและกลางหุบเขาเพื่อยากต่อการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่รัฐ
มีรายงานด้วยว่า กลุ่มนายทุนพวกนี้ส่วนใหญ่มาจากภาคใต้ ทั้งเป็นพวกนายทุน ผู้มีอิทธิพล กลุ่มข้าราชการ นักการเมือง คนพวกนี้ส่วนใหญ่ไม่ต้องการไม้ ต้องการยึดพื้นที่ป่าอนุรักษ์เพื่อน้ำไปปลูกพืชเชิงเดี่ยวทั้ง ยางพารา และปาล์ม
นอกจากนั้น ยังนำที่ดินที่ยึดไว้ในครอบครองไปขายต่อให้กลุ่มคนที่มีเงิน ซึ่งจากรายงานยังพบว่า กลุ่มนายทุนจะวิธีการจ้างโค่นป่าเผาป่าในราคาไร่ละประมาณ 3,000 บาท โดยในช่วงกลางวันจะใช้วิธีการฟันป่า หรือต้นไม้เล็กไว้ก่อน หลังจากนั้นในช่วงกลางคืนจะใช้คนเข้ามาใช้เลื่อยยนต์เข้าทำการโค่นไม้ใหญ่ลงมา ปล่อยไว้จนกระทั่งเมื่อไม้ที่ถูกโค่นแห้งแล้วก็จะทำการจุดไฟเผาทันที และนำไปสู่การปลูกพืชยางพารา และปาล์มน้ำมันตามมา
อย่างไรก็ตาม หลังจาก พ.ต.เฉลิมพล คุปตะวาทิน ผบ.ร้อยกองกำลังทหารพรานที่ 1404 และทหารหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก กองกำลังสุรสีห์ นำกำลังเข้าตรวจสอบพื้นที่ ซึ่งมีการบุกรุกไว้ได้ในหลายจุดพร้อมทำการบันทึกพิกัดจีพีเอสในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุทยานเสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร (ด้านทิศเหนือตอนบนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์) พื้นที่อำเภอบางสะพานน้อย
ต่อมา ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุทยานเสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร (ด้านทิศเหนือตอนบนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์) มาตรวจสอบพื้นที่ และทำการตรวจยึด และให้เข้าแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อสืบหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยถึงแม้การเข้าตรวจสอบในพื้นที่เราจะไม่สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดในครั้งนี้ได้ก็ตาม แต่ก็สามารถยึดพื้นที่ไว้ได้ไม่ให้ไปอยู่ในการครอบครองของกลุ่มนายทุน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โดยการเข้าตรวจยึดพื้นที่ในครั้งนี้ของทหารพรานที่ 1404 บางจุดต้องเดินเท้าเป็นระยะทางไปกลับกว่า 20 กม. ท่ามกลางหุบเขาที่สูงชัน ซึ่งต้องใช้เวลาเดินไปกลับนานกว่า 4 ชั่วโมง รวมถึงต้องเจอกับทากที่เข้าเกาะตามร่างกายของทหารพราน และสื่อมวลชนถูกทากดูดเลือกจนอยู่ในสภาพอิดโรยเป็นลมล้มพับไปก็มี
ข้อมูลเชิงลึกยังพบว่า ปัจจุบัน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุทยานเสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร (ด้านทิศเหนือตอนบนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์) มีพื้นที่รวมกว่า 1.8 แสนไร่ แต่ล่าสุด พบการบุกรุกต่อเนื่องของนายทุนจนถึงปัจจุบัน การบุกรุกยิ่งหนักขึ้น เนื่องจากการสกัดกั้นการบุกรุกของหน่วยงานเกี่ยวข้องอย่างกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ดังกล่าวโดยตรงไม่เป็นผล
ทำให้ชาวบ้าน และกลุ่มอนุรักษ์ป่าในพื้นที่ดังกล่าวเห็นพ้องตรงกันว่า เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ไม่สามารถดำเนินการสกัดกั้นการบุกรุกได้ ที่ผ่านมา ทั้งจังหวัดและหน่วยงานเกี่ยวข้องมีแต่การประชุม จะจัดการ จะออกตรวจ ซึ่งก็ได้แต่พูด พอออกจากห้องประชุมทุกอย่างก็ไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้น ดังนั้น หากมีการดำเนินการถามว่าป่ามันจะถูกบุกรุกเพิ่มขึ้นหรือ
“ปัจจุบันนี้ การบุกรุกยิ่งทวีความรุนแรงหากไม่เชื่อก็ให้มาดูด้วยตาตนเอง จนทำให้ปัจจุบันผืนป่าอนุรักษ์แห่งนี้มีการบุกรุกอย่างต่อเนื่องไปแล้วกว่า 6 หมื่นถึงแสนไร่ เดี๋ยวนี้นกเงือกที่มีอยู่จากการศึกษาของศูนย์ศึกษานกเงือกป่าคีรีล้อมมีอยู่ 6 ชนิด วันนี้นกเงือกเริ่มหายไป ก็หมายถึงไม่มีไม้ใหญ่ให้นกเงือกได้อาศัยทำรัง จึงอยากเรียกร้องให้รัฐมนตรีกว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนอธิบดีกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ลงมาบินสำรวจทางอากาศดูพื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่นี่กันบ้าง รวมทั้งต้องหาแนวทางแก้ไขป้องกันการบุกรุกป่าอย่างเป็นรูปธรรม ก่อนผืนป่าที่เหลืออยู่จะกลายเป็นสวนยางพารา และปาล์มน้ำมันในอนาคต”
