พิจิตร - เตรียมไล่บี้อธิการบดี ม.นเรศวร พิษณุโลก ฐานเสนอให้ตั้งมหาวิทยาลัยนเรศวร วิทยาเขตพิจิตร แต่ภายหลังอ้างไม่เหมาะสม และอาจถูกพับโครงการ ด้าน ส.ส.ตื่นหลังมีการติดป้าย ประชาชนจะไม่เลือก ต้องจับมือกันเคลียร์ปัญหา
วันนี้ (13 พ.ค.) นายวินัย ภัทรประสิทธิ์ ส.ส.พิจิตร เขต 1 พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา โดยรองศาสตราจารย์ กำธร ตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา ปฏิบัติราชการแทนเลขาธิการการอุดมศึกษา ทำหนังสือถึงผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ มีใจความว่า การจะสร้างมหาวิทยาลัยนเรศวร วิทยาเขตพิจิตร มีความไม่เหมาะสม สาเหตุเป็นเพราะ 1. ต้องใช้เงินลงทุนสูง 2. การเปิดสอนสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนั้น ในตลาดแรงงานส่วนใหญ่จบมาก็ทำงานไม่ตรงตามสาขาที่สำเร็จการศึกษา 3. นโยบายรัฐบาลให้ความสำคัญต่อยอดมหาวิทยาลัยของรัฐเดิม มากกว่าที่จะให้มีการจัดตั้งมหาวิทยาลัยแห่งใหม่
4. การจัดตั้งมหาวิทยาลัยใน จ.พิจิตร ไม่เหมาะสม เพราะเป็นพื้นที่การเกษตร ไม่มีภาคอุตสาหกรรมมากเพียงพอที่จะรองรับผู้ที่จบด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จึงไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของพื้นที่ได้ 5. โดยสรุปไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน จึงทำให้ส่อเค้าว่าจะพับโครงการดังกล่าว
ซึ่งกระแสข่าวดังกล่าวทำให้ชาวพิจิตรเกิดความไม่พอใจ ร้องทุกข์และร้องเรียนมายัง ส.ส.พิจิตร ให้หาเหตุผลมาตอบให้ชัดเจน อีกทั้งขอให้ขับเคลื่อนเดินหน้าการก่อสร้างมหาวิทยาลัย เพื่อจะได้มีสถาบันอุดมศึกษาใกล้บ้านให้บุตรหลานได้เล่าเรียน
นายวินัยกล่าวว่า ตนพร้อม ส.ส.พิจิตรทั้ง 7 คน ได้พูดคุยกันแล้วว่าจะขับเคลื่อนให้มีมหาวิทยาลัยในจังหวัดให้ได้ พร้อมทั้งจะทำหนังสือเชิญ ดร.สุจินต์ จินายน อธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร พิษณุโลก และคณะเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการว่า ก่อนจะมีแนวความคิดขอมีมหาวิทยาลัยนเรศวร วิทยาเขตพิจิตร ได้มีการทำผลวิจัยวิเคราะห์แล้วว่าเหมาะสม หมดเงินค่าดำเนินการไปก็มาก จึงทำให้มีผู้บริจาคเงิน แล้วจู่ๆ ก็มากลายเป็นมวยล้มต้มคนดู ไม่มีการออกมาแสดงความรับผิดชอบหรือชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร หรือน่าจะเปลี่ยนสาขาหรือคณะที่จะเปิดทำการเรียนการสอนเป็นสาขาอื่นก็ได้ ตามข้อท้วงติงของคณะกรรมการการอุดมศึกษา รวมถึงเงินที่ชาวบ้านบริจาคกว่า 3 ล้านบาทเอาไปทำไรแล้วบ้าง เงินบริจาคส่วนนี้อยู่ที่ไหน จะทำอย่างไรต่อไปก็ไม่ชี้แจง
ดังนั้น ส.ส.พิจิตรทั้ง 7 คนจะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว โดยเฉพาะมีข้อร้องเรียนจากผู้บริจาค และจากราษฎรทั่วไป ที่ถึงขนาดขึ้นป้ายข้อความว่า “Forget it Phichit University ลืม ไปก่อนนะเรื่องมหาวิทยาลัยของชาวพิจิตร” และ “นักการเมืองหรือพรรคการเมืองใด ที่พวกเราได้เลือกท่านไปเป็นตัวแทน แล้วท่านไม่สนับสนุนให้เกิดมหาวิทยาลัย เพื่อลูกหลานของเราชาวพิจิตรและใกล้เคียง พวกเราจะไม่เลือกท่านอีกต่อไป” ซึ่งมีความหมายโจมตี ส.ส.พิจิตร ว่าปล่อยให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร
อนึ่ง ดร.สุจินต์ จินายน อธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร พิษณุโลก และคณะนำนโยบาย 1 จังหวัด 1 มหาวิทยาลัย มาเสนอกับชาวพิจิตร เพื่อขอรับความเห็นชอบ จากนั้นชาวพิจิตรก็สนับสนุนจนมีพ.อ.หญิง สมสมัย สิทธิเกสร บริจาคที่ดินให้ 813 ไร่ แต่จะกันไว้เป็นส่วนวิทยาลัยชุมชนทับคล้อ 120 ไร่ และอีก 693 ไร่ จะให้เป็นที่ตั้งของ มหาวิทยาลัยนเรศวร
ต่อมาพระสงฆ์และผู้นำชุมชนที่สนับสนุนก็ออกเรี่ยไรรับบริจาคได้เงินกว่า 3 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขับเคลื่อนโครงการ มอบให้ตัวแทนของมหาวิทยาลัยนเรศวร พิษณุโลก อีกทั้งนายชาติชาย เจียมศรีพงษ์ นายก อบจ.พิจิตร ก็ขออนุมัติสภา อบจ.ตั้งงบประมาณพร้อมอุดหนุนอีก 20 ล้านบาท