น่าน - เกษตรกรชาวสวนลิ้นจี่เมืองน่านเคราะห์ซ้ำกรรมซัด หลังฝนถล่มผลผลิตเสียหายจนต้องเร่งเก็บขายก่อนสุกงอมแล้ว ยังเจอคนงานเกี่ยงขอค่าแรง 300 บาทต่อวันตามนโยบายรัฐบาลอีก ครวญหักแล้วแทบไม่เหลืออะไร
รายงานข่าวจากจังหวัดน่าน แจ้งว่า ขณะนี้ชาวสวนลิ้นจี่กว่า 300 ราย ในตำบลเมืองจัง อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน ซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกลิ้นจี่มากที่สุดในจังหวัด ถึง 2,063 ไร่ และสามารถให้ผลผลิตได้มากถึงปีละ 1,700 ตัน กำลังเร่งมือเก็บผลลิ้นจี่ที่เริ่มสุกกันอย่างเต็มที่ เพื่อหนีฝนที่ตกติดต่อกันมาหลายวัน จนทำให้เปลือกลิ้นจี่ที่กำลังสุกรอเก็บขาย ปริแตกเสียหายไปแล้วกว่าร้อยละ 30
นางบัวมัน มงคล อายุ 52 ปี เกษตรกรผู้ปลูกลิ้นจี่ บ้านมงคลเจริญสุข หมู่ 11 ต.เมืองจัง อ.ภูเพียง จ.น่าน เปิดเผยว่า ปีนี้ราคาลิ้นจี่สูงถึงกิโลกรัมละ 20-25 บาทขึ้นอยู่กับขนาด ซึ่งนับว่าดีกว่าปีก่อนๆ แต่ด้วยสภาพอากาศร้อนมากกว่าทุกปีที่ผ่านมาส่งผลให้ต้นลิ้นจี่กว่า 130 ต้นในพื้นที่ 6 ไร่ของตนสุกไวก่อนโตเต็มที่ อีกทั้งพายุและฝนหลงฤดูที่ตกลงมาในช่วงนี้ได้ส่งผลกระทบต่อผลลิ้นจี่ที่กำลังเริ่มสุกและรอเก็บขายนั้นผลเปลือกปริแตกเสียหายไปแล้วกว่าร้อยละ 30 ทำให้ต้องเร่งเก็บผลผลิตออกขายก่อนที่จะสุกงอม เพราะหากโดนฝนอีกผลผลิตก็จะเสียหายทั้งหมด
“ปีนี้น่าจะเก็บลิ้นจี่ขายได้เงินเพียง 2 หมื่นกว่าบาท ทั้งที่น่าจะได้ถึง 5 หมื่นบาท แม้ว่าราคาจะดีกว่าปีก่อนๆ เพราะลิ้นจี่ในสวนเสียหายไปพอสมควร”
นอกจากชาวสวนลิ้นจี่เมืองน่านจะประสบปัญหาผลผลิตเสียหายจากฝนแล้ว ขณะนี้พวกเขากำลังประสบปัญหาไม่มีแรงงานเข้ามาเก็บผลผลิตเหมือนเช่นปีที่ผ่านมา เนื่องจากแรงงานต้องการค่าแรงในการเก็บเกี่ยววันละ 300 บาท แตกต่างจากปีที่ผ่านมาที่ค่าแรงตกวันละ 200 บาทเท่านั้น ทำให้เกษตรกรได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากเพราะค่าแรงงานแพงขึ้น เมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้ว แทบไม่เหลืออะไรเลย