สระแก้ว - กระทรวงการต่างประเทศไทย-กัมพูชา ร่วมประชุมหาแนวทางป้องกันลักลอบตัดไม้พะยูง หลังสถิติการจับกุมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
วันนี้ (9 พ.ค.) ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) กัมพูชา ฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา มีการเปิดประชุมร่วม 2 ฝ่าย ระหว่างผู้ช่วยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงรการต่างประเทศไทย และกัมพูชา ซึ่งฝ่ายไทยมี นายจุลพงษ์ นวลสีชัย เป็นหัวหน้าคณะ กัมพูชามีนายรอง วิสาโร เป็นหัวหน้าคณะ
สำหรับการประชุมร่วมเพื่อหามาตรการป้องกัน และสกัดกั้นการลักลอบนำไม้พะยูงฝั่งไทยลำเลียงผ่านประเทศกัมพูชา ซึ่งปัจจุบัน ขบวนการค้าไม้จะใช้กัมพูชาลำเลียงผ่านไปยังประเทศจีน ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายจะหามาตรการร่วมกัน เช่น ลาดตระเวนตามแนวชายแดนโดยใช้กำลังทั้ง 2 ฝ่ายในการตรวจตรา
นายจุลพงษ์ แถลงภายหลังการประชุมว่า ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นตรงกันที่จะใช้กำลังทั้ง 2 ประเทศ ดูแลไม่ให้มีการลักลอบนำไม้พะยูงออกจากประเทศไทย หากมีการฝ่าฝืน ฝ่ายกัมพูชาก็จะดำเนินการอย่างเด็ดขาด นอกจากนี้ คณะกรรมการร่วมไทย-กัมพูชา โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เน้นเรื่องการป้องกันการตัดไม้ทำลายป่า โดยเฉพาะไม้พะยูงถือเป็นภารกิจที่เร่งด่วน เนื่องจาก 2-3 ปีที่ผ่านมามีมูลค่าสูง ทำให้เกิดความต้องการไม้พะยูงจำนวนมาก
ทั้งนี้ จากสถิติคดีลักลอบและจับไม้พะยูงปี 2553 ประมาณ 200 คดี ปี 2554 เพิ่มเป็น 600 คดี และปี 2554 ถึงปี 2555 รวมกว่า 1,200 คดี จับเป็นตู้คอนเทนเนอร์ที่ท่าเรือปีละ 500-600 ตู้ ซึ่งมติคณะรัฐมนตรีห้ามนำเข้าและส่งออกไม้พะยูง ดังนั้น ไม้ที่ถูกนำเข้าและส่งออกประเทศไทยถือว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายทั้งหมด ดังนั้น ศุลกากรซึ่งควบคุมต้นทางต้องเปิดตู้เพื่อตรวจสอบให้เรียบร้อย รวมถึงการออกหนังสือรับรองการขนส่ง ระหว่างทางเรามีด่านตรวจ หากพบร่องรอยผิดปกติก็สามารถตรวจยึดจับกุมได้
“กรมป่าไม้ปรับปรุงแนวทางการตรวจจับกุม ส่งผลให้มีการจับกุมมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็มีคดีใหญ่มากขึ้น ซึ่งหลายคดีมีผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง แหล่งข้อมูลทางลับเป็นผู้ใหญ่ทั้งนั้น เพราะการที่จะเปิดด่านได้นั้นไม่ใช่ธรรมดา เนื่องจากต้องผ่านทั้งด่านตำรวจ ด่านป่าไม้ สารพัดด่าน การขนส่งก็มีหลายรูปแบบ เช่น เป็นไม้เล็กไม้น้อย ซุกซ่อนมากับรถสินค้า รถตู้ดัดแปลงเอาเบาะที่นั่งออก เป็นต้น”