เชียงใหม่/ตาก - ผู้ปกครองก้มหน้าก้มตาจูงลูกหลานเข้าเลือกซื้อชุดนักเรียน แม้ราคาจะแพงขึ้นทุกอย่าง บางรายการปรับขึ้นเกือบ 100 บาท ขณะที่เงินช่วยเหลือจากรัฐไม่พอจ่าย หลายรายเลือกซื้อไซส์ใหญ่ บางรายซื้อให้พี่ ส่วนน้องต้องรอรับมรดกต่อ
คลิกเพื่อชมคลิป :
วันนี้ (8 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ย่านตลาดวโรรส ตลาดต้นลำไย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีร้านขายเสื้อผ้าชุดนักเรียนจำนวนมากคึกคักไปด้วยผู้ปกครองพาบุตรหลานมาซื้อเครื่องแบบนักเรียนกันจำนวนมากเพื่อเตรียมรับเปิดเทอมใหม่ เช่น ร้านไพบูลย์ ซึ่งเป็นร้านขายชุดนักเรียนรายใหญ่มานานหลายสิบปี มีประชาชนมาจับจ่ายซื้อเสื้อผ้า เข็มขัด ถุงเท้านักเรียนกันจำนวนมาก โดยที่ร้านมีบริการปักชื่อนามสกุล และชื่อโรงเรียนฟรี
สำหรับราคาชุดนักเรียนปีนี้ พบว่าปรับขึ้นมาบางส่วน โดยส่วนใหญ่จะจำหน่ายตัวละ 190 บาท จนถึง 300 บาท สำหรับกระโปรงนักเรียนมีราคาแพงกว่ากางเกง เพราะใช้ผ้าตับเย็บมากกว่า โดยลูกค้าที่มาซื้อเสื้อผ้าให้บุตรหลานในปีนี้ส่วนใหญ่จะซื้อเป็นชุด เพราะลูกหลานบางคนตัวโตขึ้น ส่วนเข็มขัดและถุงเท้าทางผู้ปกครองก็ประหยัดใช้ของเก่าไปก่อน หรือซื้อแบบยกแพกในห้างสรรพสินค้าที่มีราคาถูกกว่าแทน
เช่นเดียวกับร้านค้าขายชุดนักเรียนและอุปกรณ์การเรียนในเขตเทศบาลนครแม่สอด จ.ตาก ที่มีผู้ปกครองพาบุตรหลานเลือกซื้อหาชุดนักเรียนและอุปกรณ์การเรียนกันอย่างหนาตา แต่ต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าปีนี้ชุดนักเรียนราคาสูงขึ้นกว่าร้อยละ15 แต่ก็จำเป็นต้องซื้อ
เจ้าของร้านขายชุดนักเรียนรายหนึ่งในตลาดแม่สอดกล่าวว่า ปีนี้ราคาชุดนักเรียน รองเท้า และอุปกรณ์ต่างๆ เพิ่มสูงขึ้นกว่าร้อยละ 15 แต่ลูกค้าเดิมของร้านก็ยังใช้บริการ จึงยังขายได้เหมือนเดิม ทางร้านจะไม่เอาเปรียบลูกค้าเรื่องของราคา และถือว่าเป็นกลยุทธ์ของร้าน โดยกระทรวงศึกษาธิการและรัฐบาลให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ปกครอง คือ ชั้นอนุบาล 300 บาท ประถม 360 บาท มัธยมต้น 450 บาท และมัธยมปลาย 500 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ผู้ปกครองสามารถนำเอาใบเสร็จของทางร้านไปขอเบิกคืนได้จากทางโรงเรียน
ผู้ปกครองนักเรียนรายหนึ่งกล่าวว่า มีลูก 2 คนกำลังเรียนอยู่ที่โรงเรียนเทศบาลวัดชุมพลคีรี ชั้น ป.5 และ ป.6 ปีนี้ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ทั้งค่าเทอม ค่าเสื้อผ้า อุปกรณ์การเรียน ยังไม่รวมค่าเรียนพิเศษ เนื่องจากว่าตอนนี้ค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงมากขึ้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่พ่อแม่ผู้ปกครอง จะต้องมีความรอบคอบในการใช้จ่าย เช่น การซื้อชุดนักเรียนก็ต้องมีการวางแผน คือ ซื้อเผื่ออนาคตเอาไว้สัก 1 เบอร์ เพื่อให้สามารถใช้ได้สัก 2 ปีเป็นอย่างน้อย หากมีบุตรหลานสองคน ก็ต้องซื้อเสื้อผ้าให้คนพี่ที่ตัวโตขึ้นใส่ ส่วนคนน้องก็ให้ใช้ของพี่ต่อ ยอมรับว่าปีนี้เสื้อผ้าแพงขึ้นกว่าปีก่อนมากเกือบถึงหลักร้อยบาท แม้ว่าจะได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลแล้วก็ยังไม่พอ