กาฬสินธุ์ - ชาวบ้าน ต.ลำคลอง อ.เมืองกาฬสินธุ์ หันพึ่งไสยศาสตร์ วิงวอนผีปู่ตาบันดาลฝนตกแก้แล้ง แต่ระหว่างตีกลองยาวฉลอง ฝูงผึ้งหลวงนับหมื่นตัวแตกรังบินต่อยจนแตกกระเจิง หามส่งโรงพยาบาล 24 ราย สาหัส 6 คน
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (24 เม.ย.) ที่ป่าสาธารณะบ้านปลาค้าว หมู่ 4 ต.ลำคลอง อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ชาวบ้านตำบลลำคลองกว่า 200 คน ร่วมกันกราบไหว้ผีปู่ตาซึ่งเป็นผีบรรพบุรุษ มีนายชาย บุญมา อายุ 90 ปี ทำหน้าที่เป็นขะจ้ำหมอธรรม เพื่อติดต่อวิญญาณผีบรรพบุรุษ
แต่ในระหว่างการประกอบพิธีเกือบจะแล้วเสร็จ ชาวบ้านได้ตีกลองยาวร้องรำทำเพลงเพื่อเป็นสิริมงคลให้แก่ตนเองและครอบครัว ปรากฏว่าเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เมื่อมีฝูงผึ้งหลวงนับหมื่นตัวแตกรังบินเข้ารุมต่อยชาวบ้านอย่างดุดัน ชาวบ้านที่ร่วมพิธีซึ่งมีทั้งเด็กเล็กและคนชราต้องวิ่งหนีกันอลมาน
ภายหลังจากเหตุการณ์สงบลง มีชาวบ้าน 24 คนถูกผึ้งหลวงรุมต่อยนอนร้องขอความช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขตำบลหนองสอได้ช่วยกันนำไปรักษา โดยมี 6 คนที่อาการสาหัสถูกนำส่งโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ โดยเฉพาะนายชาย บุญมา มีอาการสาหัสที่สุด แพทย์ให้ผู้บาดเจ็บสาหัสทั้ง 6 รายนอนเฝ้าดูอาการ เพื่อจากป้องกันการเสียชีวิตจากพิษของผึ้งหลวง
จากการสอบถามนายบุสดี บุญมา อายุ 44 ปี ซึ่งเป็นผู้ช่วยพ่อขะจ้ำ ทราบว่าเป็นพิธีบนบานศาลกล่าววิญญาณผีปู่ตาเพื่อดลบันดาลให้เกิดฝนตก เนื่องจากประสบปัญหาขาดแคลนน้ำจากภาวะฝนทิ้งช่วงมานาน ซึ่งเป็นประเพณีที่จัดขึ้นทุกปีเมื่อใกล้ช่วงฤดูเพาะปลูกข้าวนาปี ซึ่งฝูงผึ้งที่รุมต่อยก็เป็นผึ้งหลวงที่อาศัยอยู่บริเวณผีปู่ตา เป็นไปได้ว่าการประกอบพิธีที่มีการตีกลองอาจจะไปรบกวนผึ้งหลวง
นายศักดิ์ศรี บุญใหญ่ ชาวบ้านที่อยู่ในพิธี กล่าวว่า เป็นเรื่องแปลกมากที่ฝูงผึ้งหลวงมารุมต่อยชาวบ้านจนได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งที่รังผึ้งอยู่บนปลายกิ่งต้นยางใหญ่ สูงจากพื้นดินกว่า 30 เมตร และพิธีกรรมก็ปฏิบัติเช่นนี้มาโดยตลอด โดยเหตุที่เกิดขึ้นโกลาหลมาก เพราะเมื่อฝูงผึ้งหลวงบินลงมาจากรังและรุมต่อยนั้น ตัวเองที่ปกติเป็นคนร่างกายแข็งแรงถูกต่อยจุดแรกยังรู้สึกมึนหัว อ่อนแรงไปทั้งตัว แต่โชคดีที่ตั้งสติได้และรีบวิ่งหนี
อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านบางส่วนเชื่อว่าการประกอบพิธีกรรมครั้งนี้อาจจะไปทำผิดผีผิดต่อวิญญาณบรรพบุรุษก็เป็นได้ เพราะการประกอบพิธีส่วนใหญ่จะไม่มีการนำกลองยาวไปตี แต่มาในปีนี้มีการนำกลองยาวไปตี จึงอาจจะเป็นการรบกวนวิญญาณจนทำให้เกิดเหตุร้าย
ทั้งนี้ชาวบ้านยังเชื่อว่า เหตุการณ์นี้อาจจะเป็นการเตือนภัยถึงความแห้งแล้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จากฝนที่จะไม่ตกลงมา หลังจากที่ทิ้งช่วงมายาวนานถึง 14 เดือน
