กาญจนบุรี - นายก อบต.หลุมรัง อำเภอบ่อพลอย กาญจนบุรี โอดภัยแล้งปีนี้หนัก ฝนไม่ตกนานกว่า 3 เดือนส่งผลกระทบต่อพืชเกษตรกว่า 7 หมื่นไร่
วันนี้ (24 เม.ย.) นายอิทธิพัทธ์ รัตนสุวรรณาชัย นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หลุมรัง อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี กล่าวว่า ตำบลหลุมรัง มี 18 หมู่บ้านกว่า 2,000 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรประมาณ 70,000 ไร่ ขณะนี้ในทุกพื้นที่หมู่บ้านกำลังเข้าสู่สภาวะวิกฤตขาดแคลนน้ำอย่างหนัก เนื่องจากฝนไม่ตกลงมาติดต่อกันนานกว่า 3 เดือนแล้ว อีกทั้งแหล่งน้ำที่มีอยู่ก็เริ่มแห้งขอด รวมทั้งคลองลำตะเพิน ที่เป็นแหล่งน้ำสายหลักก็เริ่มเหลือน้อยเต็มที อีกทั้งอากาศก็ร้อนอบอ้าวเป็นอย่างมาก ผลกระทบที่ประชาชนได้รับก็คือ ทำให้พืชผลทางเกษตรได้รับความเสียหายขยายวงกว้างเพิ่มขึ้น เช่น เกษตรกรผู้ปลูกไร่สับปะรด ไร่อ้อย และอื่นๆ พืชผลทางการเกษตรเริ่มเสียหายขยายวงกว้างรวมกันประมาณ 70,000 ไร่ โดยทุกปีที่ผ่านมา เมื่อเปรียบเทียบในระยะเวลาเดียวกันต้องยอมรับว่าปีนี้แห้งแล้งกว่าทุกปี
สำหรับน้ำที่ใช้สำหรับอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวันนับว่ายังโชคดีที่ทางองค์การบริหารส่วนตำบลมีการบริหารจัดการน้ำเอาไว้ล่วงหน้าหลายปี ด้วยการเจาะบ่อบาดาลเอาไว้ตามพื้นที่หมู่บ้านต่างๆ มากกว่า 50 บ่อ แต่บางพื้นที่ก็ยังขาดแคลนอยู่ แต่เราก็ได้แก้ไขด้วยการใช้รถบรรทุกของ อบต.นำน้ำไปแจกจ่ายให้แก่ประชาชน จึงทำให้ไม่เดือดร้อนมากนัก
“สิ่งที่ทาง อบต.เป็นห่วงก็คือ หากฝนไม่ตกลงมาภายในเร็ววันนี้จะทำให้พื้นที่เกษตรกรเสียหายขยายวงกว้างไปมากกว่านี้อย่างแน่นอน และจะส่งผลกระทบต่อบ่อน้ำบาดาลที่ใช้สำหรับอุปโภคบริโภค ไปด้วย อบต.ได้รายงานพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งให้แก่ทางจังหวัดได้รับทราบแล้ว แต่ยังไม่มีการประกาศเป็นเขตพิบัติภัยแล้งแต่อย่างใด และหากเป็นไปได้ เราอยากให้ทางจังหวัดประสานให้เจ้าหน้าที่ฝนหลวงช่วยลงมาทำฝนเทียมให้มากที่สุด เพื่อเป็นการบรรเทาทุกข์ให้แก่ชาวบ้านได้อีกทางหนึ่ง”
วันนี้ (24 เม.ย.) นายอิทธิพัทธ์ รัตนสุวรรณาชัย นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หลุมรัง อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี กล่าวว่า ตำบลหลุมรัง มี 18 หมู่บ้านกว่า 2,000 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรประมาณ 70,000 ไร่ ขณะนี้ในทุกพื้นที่หมู่บ้านกำลังเข้าสู่สภาวะวิกฤตขาดแคลนน้ำอย่างหนัก เนื่องจากฝนไม่ตกลงมาติดต่อกันนานกว่า 3 เดือนแล้ว อีกทั้งแหล่งน้ำที่มีอยู่ก็เริ่มแห้งขอด รวมทั้งคลองลำตะเพิน ที่เป็นแหล่งน้ำสายหลักก็เริ่มเหลือน้อยเต็มที อีกทั้งอากาศก็ร้อนอบอ้าวเป็นอย่างมาก ผลกระทบที่ประชาชนได้รับก็คือ ทำให้พืชผลทางเกษตรได้รับความเสียหายขยายวงกว้างเพิ่มขึ้น เช่น เกษตรกรผู้ปลูกไร่สับปะรด ไร่อ้อย และอื่นๆ พืชผลทางการเกษตรเริ่มเสียหายขยายวงกว้างรวมกันประมาณ 70,000 ไร่ โดยทุกปีที่ผ่านมา เมื่อเปรียบเทียบในระยะเวลาเดียวกันต้องยอมรับว่าปีนี้แห้งแล้งกว่าทุกปี
สำหรับน้ำที่ใช้สำหรับอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวันนับว่ายังโชคดีที่ทางองค์การบริหารส่วนตำบลมีการบริหารจัดการน้ำเอาไว้ล่วงหน้าหลายปี ด้วยการเจาะบ่อบาดาลเอาไว้ตามพื้นที่หมู่บ้านต่างๆ มากกว่า 50 บ่อ แต่บางพื้นที่ก็ยังขาดแคลนอยู่ แต่เราก็ได้แก้ไขด้วยการใช้รถบรรทุกของ อบต.นำน้ำไปแจกจ่ายให้แก่ประชาชน จึงทำให้ไม่เดือดร้อนมากนัก
“สิ่งที่ทาง อบต.เป็นห่วงก็คือ หากฝนไม่ตกลงมาภายในเร็ววันนี้จะทำให้พื้นที่เกษตรกรเสียหายขยายวงกว้างไปมากกว่านี้อย่างแน่นอน และจะส่งผลกระทบต่อบ่อน้ำบาดาลที่ใช้สำหรับอุปโภคบริโภค ไปด้วย อบต.ได้รายงานพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งให้แก่ทางจังหวัดได้รับทราบแล้ว แต่ยังไม่มีการประกาศเป็นเขตพิบัติภัยแล้งแต่อย่างใด และหากเป็นไปได้ เราอยากให้ทางจังหวัดประสานให้เจ้าหน้าที่ฝนหลวงช่วยลงมาทำฝนเทียมให้มากที่สุด เพื่อเป็นการบรรเทาทุกข์ให้แก่ชาวบ้านได้อีกทางหนึ่ง”
