ศรีสะเกษ-ชาวศรีสะเกษจวกแหลกตำรวจปล่อยให้ม็อบเสื้อแดงปิดถนน เรียกร้องให้ ผบ.ตร.สอบสวนข้อเท็จจริง ชี้ศรีสะเกษเมืองประชาธิปไตยควรให้ทุกฝ่ายได้ตั้งเวทีแสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่ ไม่ใช่ยกพวกไปคัดค้าน ขณะที่ประธานหอการค้าศรีสะเกษเผยแกนนำกลุ่มเสื้อแดงควรปรับกลยุทธ์เรื่องการแสดงออกทางประชาธิปไตย เนื่องจากขณะนี้ ภาพลักษณ์ของเสื้อแดงศรีสะเกษเป็นลบอย่างหนัก
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ศรีสะเกษว่า จากกรณีที่กลุ่ม นปช.เสื้อแดงศรีสะเกษ และจากหลายจังหวัดใกล้เคียงพากันมาปิดถนนที่บริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ ต.โพธิ์อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เพื่อสกัดกั้นไม่ให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้าน และคณะ เข้าไปเปิดเวทีปราศรัยเดินหน้าผ่าความจริง ความจริงไม่มีวันตาย ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ ซึ่งปรากฏว่าได้สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้ที่สัญจรไปมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะอาจารย์ นักศึกษา รวมทั้งผู้ที่ต้องเข้าไปติดต่อราชการ และประชาชนที่ต้องใช้เส้นทางสายนี้เป็นอย่างมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมากที่ไปรักษาความสงบเรียบร้อยไม่ได้เข้าไปดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ปิดถนนในครั้งนี้แต่อย่างใด
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้ย้ายเวทีไปเปิดปราศรัยที่บริเวณสนามหน้า ร.ร.เทศบาล 7 (บ้านหนองตะมะ) ซึ่งอยู่ห่างจากทีเดิม ประมาณ 2 กม. เพื่อป้องกันการปะทะระหว่างมวลชนสองฝ่าย แต่ว่ากลุ่มเสื้อแดงก็ได้ยกพวกตามไปก่อกวนเปิดเครื่องขยายเสียงแรงสูงตะโกนด่านายอภิสิทธิ์ และคณะ โดยมีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ของ จ.ศรีสะเกษ และเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายร้อยนายอยู่ในเหตุการณ์ แต่ว่าไม่ได้เข้าไปดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่มาก่อกวนสร้างความวุ่นวาย ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้ว
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (21 เม.ย.) นายทิวา รุ้งแก้ว ประธานคณะกรรมการประสานงานเพื่อพัฒนา จ.ศรีสะเกษ (คปศ.) กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ตนในฐานะชาวศรีสะเกษคนหนึ่งรู้สึกอับอายมาก เนื่องจากว่า จ.ศรีสะเกษ เป็นจังหวัดประชาธิปไตย แต่ว่ากลับมีกลุ่มบุคคลมาสร้างจุดด่างของประชาธิปไตยศรีสะเกษ ซึ่งคนศรีสะเกษมีความคิดที่หลากหลาย แต่ก็ไม่ได้สกัดกั้นความคิดใคร ไม่เคยใช้ความรุนแรง และความคิดเห็นที่แตกต่าง ซึ่งชาวศรีสะเกษต่อสู้มาตลอด ตั้งแต่กบฏผีบ้าผีบุญ มาจนถึงกบฏสันติภาพ หากว่าคนใดไม่เห็นด้วย ก็ออกไปทางอื่น
ตนไม่เข้าใจว่าทำไมกลุ่มคนเสื้อแดงจึงกลัวเวทีประชาธิปไตยของพรรคประชาธิปัตย์ หากคิดว่าความคิดเห็นของคนเสื้อแดงถูกต้อง ก็ควรเปิดเวทีให้ความรู้แก่ประชาชนตัดสินใจเองว่า ใครผิดใครถูก ไม่ใช่มาขัดขวางการเปิดเวทีประชาธิปไตยของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก เนื่องจากว่าเสียงคนข้างมากไม่ใช่ถูกต้องเสมอไป ตนอยากให้เคารพความคิดเห็นทีแตกต่างด้วย ไม่ใช่เป็นนักประชาธิปไตย แต่ว่ามาปิดถนน สร้างความเดือดร้อน และสร้างจุดด่างพร้อยให้แก่ประชาธิปไตยของ จ.ศรีสะเกษ เช่นนี้
การที่กลุ่มเสื้อแดงเหิมเกริมปิดถนน ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แต่ว่าตำรวจไม่ดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งหน่วยเหนือควรที่จะมีการสอบสวนในเรื่องนี้ด้วย
นายอรุณศักดิ์ โอชารส ชาวศรีสะเกษ ในฐานะกรรมการศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมืองสถาบันพระปกเกล้าศรีสะเกษ กล่าวว่า ทำไมคนกลุ่มหนึ่งที่อ้างว่าเป็นนักประชาธิปไตย แต่จิตใจคับแคบ ในสังคมประชาธิปไตยจะต้องเปิดกว้าง รู้จักฟัง ให้เกียรติคนอื่น ให้รู้จักสิทธิเสรีภาพ จะต้องไม่เข้าไปสกัดกั้นสิทธิเสรีภาพของคนอื่น การปิดถนนทำให้ประชาชนทั่วไปได้รับความเดือดร้อนมาก ตน และคณะจะเข้าไปติดต่อราชการที่มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษถูกคนเสื้อแดงที่ปิดถนนหน้าทางเข้ามหาวิทยาลัย เข้ามาตรวจค้นรถ ตนถามว่า คนเสื้อแดงมีอำนาจหน้าที่อะไรจะเข้ามาตรวจค้นรถ ยามก็ไม่ใช่ ตำรวจก็ไม่ได้เป็น แต่กลับจะมาแสดงความยิ่งใหญ่ตรวจค้นรถทุกคันที่จะเข้าไปใมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ
ตนคิดว่าการกระทำของคนเสื้อแดง เป็นการไม่ให้เกียรติสถาบันการศึกษา และเป็นการสกัดกั้นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน ตนอยากให้แกนนำคนเสื้อแดงทราบว่า ประชาธิปไตยไม่ใช่ความคิดแบบคิดเองแต่ไปสกัดกั้นคนอื่น ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นที่ถูกต้องตามหลักประชาธิปไตย ตนขอให้แกนนำเสื้อแดงได้คิด และห้ามปรามการกระทำเช่นนี้ ซึ่งชาวศรีสะเกษได้วิพากษ์วิจารณ์กันเป็นจำนวนมากว่า การกระทำเช่นนี้เป็นอันธพาลการเมือง อีกทั้งการที่กลุ่มเสื้อแดงปิดถนนแบบนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับไม่ดำเนินการตามกฎหมาย จับกุมผู้กระทำผิด เหมือนกลัวพวกเสื้อแดง ทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงเหิมเกริม ทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย
ตนจึงขอฝากไปถึง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ขอให้ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงของตำรวจศรีสะเกษว่า เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ เนื่องจากว่าเป็นการปิดถนนเป็นเหตุกระทำผิดซึ่งหน้าต่อหน้า ตร.นับร้อยนาย แต่ว่าตำรวจไม่มีการจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย
ผศ.ดร.ประดิษฐ ศิลาบุตร ที่ปรึกษาอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ กล่าวว่า การที่กลุ่มเสื้อแดงปิดถนนหน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ ถือว่าไม่เหมาะสม เนื่องจากว่าทำให้คณะอาจารย์ และนักศึกษาไม่สามารถเข้าออกได้ ส่งผลให้การเรียนการสอนมีปัญหา ซึ่งเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ว่าตำรวจก็ไม่ได้ดำเนินการดูแลแต่อย่างใด ซึ่งตนไม่เห็นด้วยกับการกระทำของกลุ่มคนเสื้อแดง
การเปิดเวทีปราศรัยของพรรคประชาธิปัตย์ เป็นสิทธิเสรีภาพของนักการเมืองไม่ควรไปกีดขวางสกัดกั้น หากจะเปิดเวทีแข่งกัน ก็ควรเปิดคนละจุด แต่ไม่ควรไปใช้วิธีก่อกวนขัดขวาง การกระทำเช่นนี้ทำให้ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นเมืองประชาธิปไตยได้รับความเสื่อมเสียเป็นอย่างมาก ตำรวจศรีสะเกษควรที่จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มแข็ง หากมีการปิดถนนก็ควรบังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มผู้กระทำผิดทันที ไม่เช่นนั้นแล้วอาจจะมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า ตำรวจศรีสะเกษเลือกปฏิบัติตามกฎหมายเฉพาะคนบางกลุ่มเท่านั้น
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ประธานหอการค้า จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า การที่กลุ่มเสื้อแดงปิดถนน และก่อกวนเวทีปราศรัยของพรรคประชาธิปัตย์ ถือว่าเป็นการแสดงออกทางการเมือง แต่ว่า จ.ศรีสะเกษ เป็นเมืองประชาธิปไตย และรักสงบ ไม่อยากเห็นการรบราฆ่าฟัน ปิดถนนหน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ
การจัดงานปราศรัยของพรรคประชาธิปัตย์ก็จัดได้เหมือนเดิม แต่กลุ่มคนเสื้อแดงถูกชาวศรีสะเกษมองว่า กระทำการไม่เหมาะสมที่ไปก่อกวน ทำให้เกิดความวุ่นวายบริเวณที่มีการปราศรัย ทำให้เป็นภาพลบ ซึ่งตนได้รับเชิญจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้เข้าไปพบเพื่อหารือเกี่ยวกับด้านเศรษฐกิจ จึงได้นำคณะหอการค้า จ.ศรีสะเกษ ไปพบภายในห้องเรียนของ ร.ร.เทศบาล 7 และได้ยกเก้าอี้มานั่งพูดคุยหารือกันกับนายอภิสิทธิ์ และใช้เวลาประมาณ 10 นาทีเท่านั้น ซึ่งตนทราบว่า กลุ่มเสื้อแดงในภาคเช้า มีการแสดงออกทางความคิดเห็นที่เป็นเชิงสัญลักษณ์ว่า ไม่ต้องการให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้าไปจัดกิจกรรมภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ แต่ว่ากลุ่มเสื้อแดงในช่วงเย็น ประมาณ 40 คน เป็นการแสดงออกที่จะเข้าไปก่อกวนโดยตรง
ตนเห็นว่า หากจะคัดค้านการเปิดเวทีปราศรัยก็ควรทำแบบสันติวิธี แต่การเข้าไปก่อกวนเวทีปราศรัย ไม่ควรทำอย่างเด็ดขาด เพราะว่าทำให้กลุ่มเสื้อแดงศรีสะเกษกลายเป็นภาพลบของการแสดงออกทางประชาธิปไตยนั่นเอง