เพชรบุรี - ผู้ว่าฯ เพชรบุรี ตั้งรางวัลให้ผู้ชี้เบาะแสจนนำไปสู่การจับกุมผู้ที่ฆ่าช้างในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ทั้งคดีแรกที่สันนิษฐานเป็นการฆ่าแม่เพื่อเอาลูกช้าง และล่าสุด ที่มีการฆ่าช้างท้องแก่ ตัวละ 100,000 บาท และกำชับให้ทุกฝ่ายประสานการปฏิบัติในการป้องกันการลักลอบล่าสัตว์ป่า ส่วนประเด็นการสอบสวนเหตุช้างถูกฆ่าที่พบเมื่อวันที่ 9 เม.ย. ยังคงเปิดกว้างและเร่งรวบรวมหลักฐานสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดโดยเร็ว
เวลา 10.00 น. วันนี้ (12 เม.ย.) นายมณเฑียร ทองนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี พร้อมด้วย พล.ต.ต.พีระชาติ รื่นเริง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี พ.อ.อดิศร โครพ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือ นายขจรศักดิ์ สมบูรณ์ นายอำเภอแก่งกระจาน และนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาย ได้แถลงผลการปฏิบัติงานเของเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเหตุช้างท้องแก่ถูกฆ่าที่บริเวณอ่างเก็บน้ำกะหร่าง 3 ต.ป่าเด้ง อ.แก่งกระจาน ที่พบเมื่อวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้นายอำเภอแก่งกระจาน ซึ่งเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อนำผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี
ส่วนประเด็น หรือแนวทางการสืบสวนขณะนี้ยังคงเปิดกว้างไว้ยังไม่ได้ชี้เฉพาะลงไป เพราะต้องรวบรวมหลักฐานจากที่เกิดเหตุ และการให้ข้อมูลเพิ่มเติมจากประชาชน แต่คาดว่าคงไม่เชื่อมโยงกับคดีที่เกิดขึ้นแรกๆ เนื่องจากที่ผ่านมา มีหลักฐานว่าเป็นขบวนการฆ่าช้างเอางา หรือลูกช้าง หรืออวัยวะบางส่วน แต่ก็ยังไม่ทิ้งประเด็นเหล่านี้ ยังต้องสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่อไป
ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี กล่าวเพิ่มเติมว่า จังหวัดเพชรบุรี ได้ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งอำเภอแก่งกระจาน เจ้าหน้าที่ตำรวจ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน หน่วยเฉพาะทัพพระยาเสือ กองทัพภาคที่ 1 อบต.ป่าเด็ง เพื่อร่วมกันป้องกันแก้ไขปัญหาการล่าสัตว์ป่าในเขตอุทยานฯ โดยเฉพาะช้างป่า แต่งตั้งคณะกรรมการในระดับปฏิบัติ โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน และในระดับจังหวัด มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน
นอกจากนี้ ยังมีการจัดตั้งชุดประสานงานในพื้นที่ โดยมีนายอำเภอแก่งกระจาน เป็นหัวหน้า มีหน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือ และอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ร่วมเป็นชุดประสานงาน ตั้งเป็นวอร์รูม รวบรวมข้อมูลพื้นที่การหากินของช้างป่า ข้อมูลพื้นที่โดยละเอียด ข้อมูลที่เกี่ยวกับการทำการเกษตร และการจัดชุดลาดตระเวนร่วมกันของทหารหน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตำรวจตระเวนชายแดน และอุทยานฯ
โดยตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านป่าเด็ง พื้นที่ที่มักเกิดปัญหาการฆ่าช้าง และเพื่อเป็นแรงจูงใจหรือกระตุ้นให้สามารถคลี่คลายคดีฆ่าช้างได้โดยเร็ว
“จังหวัดเพชรบุรี ได้ตั้งรางวัลให้แก่ผู้ที่ชี้เบาะแส หรือให้ข้อมูลจนสามารถนำไปสู่การจับผู้ที่ฆ่าช้างทั้ง 2 ครั้งหลังล่าสุดตัวละ 100,000 บาท และผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้มอบนโยบายให้ตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี เร่งติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดในคดีฆ่าช้างที่ได้มีการออกหมายจับไปแล้วให้ได้โดยเร็วด้วย”
ด้านนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กล่าวว่า อุทยานฯ มีพื้นที่กว้างใหญ่กว่า 1 ล้าน 8 แสนไร่ มีเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ แต่ได้รับการสนับสนุนจากทหารหน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือ และตำรวจตระเวนชายแดนที่ 144 ที่ร่วมกันจัดชุดลาดตระเวน ป้องกันการลักลอบตัดไม้ หรือการล่าสัตว์ แต่ก็ยังไม่ทั่วถึง ปัจจุบันยังมีปัจจัยคุกคามต่ออุทยานฯ อีกหลายปัจจัย เช่น กองกำลังชนกลุ่มน้อยต่างชาติ การลักลอบตัดไม้ ล่าสัตว์ และปัญหายาเสพติด จึงขอให้จังหวัดได้ช่วยสนับสนุนเจ้าหน้าที่ให้ด้วย
สำหรับการสนับสนุนของฝ่ายทหารนั้น พ.อ.อดิศร โครพ ผบ.หน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือ กล่าวว่า กองทัพภาค 1 ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพราะพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เป็นพื้นที่ชายแดน อยู่ในความรับผิดชอบของกองทัพอยู่แล้ว นอกเหนือจากภารกิจด้านความมั่นคงตามแนวชายแดนแล้ว ยังมีภารกิจเสริมในการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติด้วย
ดังนั้น การดูและรักษาป่า การป้องกันการลักลอบล่าสัตว์ ในพื้นที่นี้จึงเป็นหน้าที่ของทหารด้วย จึงมีการจัดชุดลาดตระเวนร่วมกันตลอด รวมทั้งการจัดตั้งชุดประสานการปฏิบัติงานในพื้นที่ดังกล่าว หน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือก็ได้ดำเนินการให้มีข้อมูลทุกด้านที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ข้อมูลสภาพป่า ข้อมูลที่เกี่ยวกับบุคคล เพื่อสะดวดรวดเร็วในการประสานงาน และการปฏิบัติงาน
“หากสื่อมวลชน หรือหน่วยงานใดต้องการทราบข้อมูลเหล่านี้สามารถเข้าไปศึกษาหรือขอรับได้ ณ ที่ตั้งหน่วย บ้านป่าเด้ง ต.ป่าเด็ง อ.แก่งกระจาน และขอความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่แจ้งเบาะแสการกระทำผิดเกี่ยวกับการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า การล่าสัตว์ และการบุกรุกที่ป่าให้แก่หน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือด้วย เพื่อร่วมกันปกป้องผืนป่าและสัตว์ป่าของเราไว้”
