เพชรบุรี - ผงะ! พบลูกช้างน้อยในซากช้างป่าที่ถูกฆ่าตายในป่าเด็ง แก่งกระจาน และพบหัวกระสุนปืนขนาด .22 แมกซ์นั่ม 1 หัวฝังอยู่ในท้องช้าง รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน 7 และคณะลงพื้นที่พิสูจน์ ยันเป็นฝีมือมนุษย์ยิงช้างตาย
คลิกเพื่อชมคลิป:
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีพบช้างนอนตายอยู่บริเวณด่านช้าง (ทางเดินช้าง) ใกล้อ่างเก็บน้ำกะหร่าง 3 ต.ป่าเด็ง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี โดยสภาพของช้างที่ตายเริ่มแห้ง มีกลิ่นเหม็น ในเบื้องต้นสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นช้างเพศผู้ ที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีและตายมาแล้วไม่น้อยกว่า 20 วัน โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้นเมื่อวานนี้ (9 เม.ย.) พบว่าช้างถูกฆ่าตัดหัวแยกออกจากลำตัว โดยหัวอยู่ห่างจากลำตัวประมาณ 3 เมตร ซึ่งพบว่ามีการถูกถลกหนังหัวช้างออก และจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าหัวช้างดังกล่าวมีเบ้างาอยู่ด้วย โดยครั้งแรกคาดว่าเป็นการถูกฆ่าและเอางาไป อีกทั้งพบร่องรอยเป็นรู 3 หลายแห่งบนหัวกะโหลกของช้าง ซึ่งยังไม่สามารถระบุชี้ชัดได้ว่าเป็นรอยถูกยิงหรือไม่นั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (10 เม.ย.) นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน 7 นำโดย พ.ต.อ.วิสิทธิ์ ศิริสหวัฒน์ รอง ผบก.ศพฐ.7 พ.ต.อ.ดิเรก ธนานนท์นิวาส นวท. (สบ 4) กสก.ศพฐ.7 พ.ต.ท.หญิง เอกจิตตรา มีไชยธร นวท. (สบ 3) พฐ.จว.เพชรบุรี เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน พ.ต.อ.วรเดช สวนคล้าย ผกก.สภ.แก่งกระจาน เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เจ้าหน้าที่กองกำลัง ฉก.ทัพพระยาเสือ นายสัตวแพทย์เนตรนภา วิทิตธรรมคุณ นายสัตวแพทย์จากศูนย์เพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยทราย อ.ชะอำ พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่เพื่อผ่าพิสูจน์ซากช้างและนำเครื่องสแกนหาวัตถุตรวจหาหัวกระสุนที่คาดว่าน่าจะอยู่ในพื้นที่เกิดเหตุ
ล่าสุดพบว่าช้างที่ล้มตายตัวดังกล่าวเป็นช้างเพศเมีย ไม่ใช่ช้างสีดอตามที่ได้รับแจ้งข้อมูลเบื้องต้นเมื่อครั้งแรกที่พบซากช้างป่าตาย ซึ่งขณะกำลังจะทำการตรวจผ่าพิสูจน์โดยเจ้าหน้าที่พบกระสุนปืนขนาด .22 แมกซ์นั่ม 1 หัว ฝังติดอยู่ภายในท้องของช้าง และที่น่าตกใจและสลดใจไปกว่านั้นโดยเมื่อผ่าบริเวณท้องของช้างตรงจุดที่พบหัวกระสุนปรากฏว่าพบซากของลูกช้างน้อยอีก 1 ตัว อยู่ในท้องของซากช้างตัวดังกล่าว ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าลูกช้างที่พบน่าจะเป็นลูกช้างเพศเมีย แต่ก็ยังไม่สามารถระบุชี้ชัดได้โดยจะต้องนำซากของลูกช้างไปตรวจพิสูจน์ DNA อีกครั้ง
อีกทั้งยังไม่สามารถสรุปชี้ชัดได้ว่าลูกช้างน้อยมีอายุที่อยู่ในครรภ์รวมกี่เดือน แต่จากที่ดูจากสภาพแล้วลูกช้างกำลังอยู่ระหว่างที่กำลังใกล้จะคลอดแล้วเนื่องจากมีอวัยวะทุกส่วนครบรวมถึงขนที่เริ่มงอกยาวออกมาด้วย และจากการวัดขนาดของลูกช้างที่พบมีความยาวจากไหล่ถึงหางยาว 90 ซม. ความกว้างของลำตัวขนาด 66 ซม. และวัดรอบข้อเท้าได้ 40.30 ซม.
นอกจากนี้ ยังพบเม็ดตะกั่วกระสุนปลายลูกซองอีก 6 เม็ดบริเวณขาหน้าซ้ายจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เปิดเผยว่า วันนี้ ทางด้านอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้มอบหมายให้เข้ามาตรวจสอบในพื้นที่เบื้องต้น 3 เรื่องด้วยกัน คือ 1 เรื่องของการตรวจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่ของทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการพิสูจน์ซากว่าช้างที่พบล้มด้วยสาเหตุใด เรื่องที่ 2 เป็นเรื่องของการกำชับให้ทางเจ้าหน้าที่ของทางอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กับเจ้าหน้าที่ของอุทยานแห่งชาติใกล้เคียงให้ดำเนินการในการเพิ่มประสิทธิภาพของการลาดตระเวนให้มากขึ้น และเรื่องที่ 3 มาดูในเรื่องที่ช้างในพื้นที่ออกไปหากินในพื้นที่ใกล้ๆ พื้นที่เกษตรกรรมของชุมชนว่าจะมีการแก้ไขปัญหาอย่างไร
"สำหรับช้างที่เราพบซากจากที่ได้รับรายงานพบว่าช้างตัวนี้ตายมาแล้วไม่ต่ำกว่า 20 วัน ส่วนสาเหตุที่ล้มนั้นตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานกำลังตรวจสอบอยู่ ก็ได้พบร่องรอยของกระสุน และหัวกระสุนด้วย และได้นำเอาส่วนของหัวกะโหลกไปเอกซเรย์ที่โรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หัวหิน ซึ่งคงต้องรอผลการตรวจของทางตำรวจก่อนว่าสาเหตุที่ช้างที่ล้มนั้นโดนยิงล้มที่จุดเกิดเหตุเลยหรือว่าโดนยิงมาจากที่อื่น"
ด้านนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เปิดเผยว่า จากการที่ตรวจพบหัวกระสุนในซากช้างสามารถระบุชี้ชัดได้ว่าเกิดจากฝีมือของมนุษย์ เพราะในตัวของช้างนั้นเจอหัวกระสุนปืนขนาด .22 แมกซ์นั่ม ส่วนลูกช้างที่พบในท้องของซากช้างที่ถูกยิงตายนั้นตามปกติช้างจะมีการตั้งครรภ์ช่วงระหว่า 21-24 เดือน ถ้าสมบูรณ์จริงๆ คือตั้งท้องถึง 2 ปีจึงจะคลอดลูกออกมา แต่จากที่ดูสภาพของลูกช้างที่พบและได้คุยกับนายสัตวแพทย์เบื้องต้นเป็นเพศเมียและใกล้คลอดแล้วเพราะขนของช้างเริ่มงอกแล้ว
"ปกติกระสุนปืนขนาด .22 นั้นจะยิงเข้าไม่ได้สำหรับหนังช้าง แต่ตัวนี้ดูจากวิถีที่ยิงน่าจะยิงในระยะใกล้ ซึ่งพบว่าช้างถูกยิงจากหน้าอกทะลุไปถึงกระเพาะอาหาร จนทะลุไปถึงลูกช้าง ซึ่งการยิงได้อย่างนี้จะต้องยิงในระยะใกล้เป็นเมตรเพราะฉะนั้นจะประมาทไม่ได้ว่ากระสุนปืนขนาด .22 ทำลายช้างไม่ได้นั้นคงพูดไม่ได้แล้ว คงต้องคิดกันใหม่ และจากการตรวจดูพบร่องรอยการถูกยิงเข้าบริเวณไหล่ซ้ายของช้าง โดยพบเป็นรูถูกยิงของหัวกระสุนเข้าไป โดยกระสุนไปนอนอยู่ข้างผิวหนังบริเวณส่วนก้นของลูกช้างที่อยู่ในท้อง เพราะฉะนั้นคงจะต้องเป็นแรงยิงที่ทำให้หัวกระสุนเข้าแฉลบแล้วไปอยู่ในบริเวณที่พบหัวกระสุนดังกล่าว
สาเหตุของการยิงช้างเพศเมียท้องแก่ตัวนี้ยังไม่สามารถระบุชี้ชัดได้ว่าผู้ที่ลงมือยิงช้างนั้นมุ่งหวังสิ่งใดในการฆ่าช้างตัวนี้ ซึ่งจะต้องทำการชันสูตรหาสาเหตุที่แน่ชัดต่อไป"