กาญจนบุรี - ผบก.กาญจนบุรี สั่งตั้งกรรมการสอบ “ดาบตำรวจสังขละบุรี” ผู้รักษากฎหมาย แต่ทำผิดกฎหมายเสียเอง ลอบขนแรงงานเถื่อนเข้าไทย หลังถูกจับกุมได้คาด่านตรวจที่สังขละบุรี สั่งดำเนินการขั้นเด็ดขาด
จากกรณีเมื่อวันที่ 3 เม.ย. ที่ผ่านมา ปลัดอำเภอสังขละบุรี ได้สนธิกำลังกับทหาร เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม ตั้งจุดตรวจจุดสกัดผู้กระทำผิดกฎหมายบนถนนสายสังขละบุรี-ทองผาภูมิ พื้นที่หมู่ 4 ต.ปรังเผล อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี และได้จับกุม ด.ต.ไวรินทร์ เลี้ยงพรหม ผบ.หมู่ ป. สภ.สังขละบุรี เป็นผู้ขับขี่รถยนต์กระบะอีซูซุ ดีแมคซ์ สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน บบ 6854 กาญจนบุรี ป้ายทะเบียนรถมีแต่ด้านหน้า ส่วนด้านหลังไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน โดยตรวจค้นภายในรถพบบุคคลต่างด้าวนั่งหลบซ่อนมาในแค็บ 7 คน จึงทำการจับกุม และควบคุมตัว ด.ต.ไวรินทร์ ไปดำเนินคดีในข้อหานำพาช่วยเหลือบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดย ผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522
ต่อมา วันนี้ (4 เม.ย.) พล.ต.ต.กมลสันติ กลั่นบุศย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ตร.ภ.จว.) กาญจนบุรี ได้เปิดเผยเกี่ยวกับคดีนี้ว่า ตนได้รับรายงานจาก สภ.สังขละบุรี แล้ว และได้สั่งการให้ตั้งกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงในกรณีนี้อย่างทันที ซึ่งการสอบสวนให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา หากข้อสรุปพบว่ามีการกระทำผิดก็จะดำเนินการลงโทษอย่างหนัก เพราะถือว่าเป็นเรื่องของนโยบายความมั่นคงแห่งรัฐ และอาจจะเกี่ยวข้องกับกฎหมายปราบปรามการค้ามนุษย์ที่จะต้องดำเนินการลงโทษอย่างเด็ดขาด
ในส่วนของการสอบสวนดำเนินคดีก็ได้กำชับให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ไม่มีการปกป้อง หรือช่วยเหลืออย่างเด็ดขาด ใครผิดก็ว่าไปตามผิดเพราะถือว่าหากเป็นข้าราชการประพฤติไม่เหมาะสมก็จะต้องมีโทษหนักกว่าประชาชนธรรมดา ตำรวจมีหน้าที่ในการปราบปรามจับกุม แต่หากมาทำผิดเองก็จะต้องได้รับการลงโทษตามปกติไม่มีการปกป้องอย่างแน่นอน
จากกรณีเมื่อวันที่ 3 เม.ย. ที่ผ่านมา ปลัดอำเภอสังขละบุรี ได้สนธิกำลังกับทหาร เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม ตั้งจุดตรวจจุดสกัดผู้กระทำผิดกฎหมายบนถนนสายสังขละบุรี-ทองผาภูมิ พื้นที่หมู่ 4 ต.ปรังเผล อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี และได้จับกุม ด.ต.ไวรินทร์ เลี้ยงพรหม ผบ.หมู่ ป. สภ.สังขละบุรี เป็นผู้ขับขี่รถยนต์กระบะอีซูซุ ดีแมคซ์ สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน บบ 6854 กาญจนบุรี ป้ายทะเบียนรถมีแต่ด้านหน้า ส่วนด้านหลังไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน โดยตรวจค้นภายในรถพบบุคคลต่างด้าวนั่งหลบซ่อนมาในแค็บ 7 คน จึงทำการจับกุม และควบคุมตัว ด.ต.ไวรินทร์ ไปดำเนินคดีในข้อหานำพาช่วยเหลือบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดย ผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522
ต่อมา วันนี้ (4 เม.ย.) พล.ต.ต.กมลสันติ กลั่นบุศย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ตร.ภ.จว.) กาญจนบุรี ได้เปิดเผยเกี่ยวกับคดีนี้ว่า ตนได้รับรายงานจาก สภ.สังขละบุรี แล้ว และได้สั่งการให้ตั้งกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงในกรณีนี้อย่างทันที ซึ่งการสอบสวนให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา หากข้อสรุปพบว่ามีการกระทำผิดก็จะดำเนินการลงโทษอย่างหนัก เพราะถือว่าเป็นเรื่องของนโยบายความมั่นคงแห่งรัฐ และอาจจะเกี่ยวข้องกับกฎหมายปราบปรามการค้ามนุษย์ที่จะต้องดำเนินการลงโทษอย่างเด็ดขาด
ในส่วนของการสอบสวนดำเนินคดีก็ได้กำชับให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ไม่มีการปกป้อง หรือช่วยเหลืออย่างเด็ดขาด ใครผิดก็ว่าไปตามผิดเพราะถือว่าหากเป็นข้าราชการประพฤติไม่เหมาะสมก็จะต้องมีโทษหนักกว่าประชาชนธรรมดา ตำรวจมีหน้าที่ในการปราบปรามจับกุม แต่หากมาทำผิดเองก็จะต้องได้รับการลงโทษตามปกติไม่มีการปกป้องอย่างแน่นอน
