ศูนย์ข่าวศรีราชา - อากาศร้อนทำประชาชน และผู้ใช้รถใช้ถนนในเขตจังหวัดจันทบุรีแห่หาซื้อน้ำอ้อยริมทางดื่มดับร้อน ทำยอดขายพุ่งกว่าเท่าตัว ขณะที่ผู้ปลูกมังคุด ในตำบลพลับพลา เมืองจันทบุรี เร่งเก็บผลผลิตมังคุดที่ออกเป็นรุ่นแรกโกยราคาดีก่อนดิ่งลงต่ำช่วงผลผลิตออกล้นตลาด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวมานานกว่า 1 สัปดาห์ในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี กำลังส่งผลดีต่อธุรกิจขายน้ำอ้อยริมทาง ที่ปัจจุบันมียอดขายเพิ่มกว่า 1 เท่าตัว เนื่องจากประชาชน และผู้ใช้รถใช้ถนนต่างพากันจอดรถแวะซื้อดื่มคลายร้อน
ซึ่งนางสุนันท์ หมุนรอบ ชาวจังหวัดศรีสะเกษ แม่ค้าขายน้ำอ้อยริมทางกล่าวว่า ตนเปิดร้านขายน้ำอ้อยริมทางมาได้ประมาณ 5 ปีแล้ว โดยจะรับอ้อยสดจากจังหวัดสระแก้วมาใส่เครื่องบดเพื่อคั้นน้ำอ้อยบรรจุใส่ขวด และถุงขายในราคาขวดละ 20 บาท และถุงละ 10 บาท โดยอากาศที่ร้อนอบอ้าวในช่วงทำให้ขายดีมากขึ้น โดยมีรายได้ประมาณ 2,000 กว่าบาทต่อวัน แต่หากเป็นช่วงอากาศปกติจะมียอดขายเพียง 1,000 กว่าบาทต่อวันเท่านั้น
ขณะที่ นายสมชาย หนูสิทธิ์ เกษตรกรผู้ปลูกมังคุดในตำบลพลับพลา อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี เผยว่าสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นในปีทำให้มังคุดในทุกพื้นที่ของจังหวัดจันทบุรี มีผลผลิตออกมาก และดกในรอบ 7 ปีที่ผ่านมา โดยตำบลพลับพลา ถือว่าโชคดีที่มีมังคุดออกสู่ตลาดก่อนเป็นรุ่นแรก ทำให้ล้งรับซื้อผลไม้ให้ราคาดี โดยเกรดเอจะอยู่ที่ 120-135 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนเกรดบี อยู่ที่ 90-100 ต่อกิโลกรัม
และหากเป็นมังคุดตกไซส์เล็กราคาจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 28 บาท ทั้งนี้ ราคามังคุดจะเริ่มตกต่ำในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม เนื่องจากมีผลผลิตออกมากพร้อมกัน ส่งผลให้เกิดการล้นตลาด
แต่ปัญหาของเกษตรกรในขณะนี้คือ การไม่มีแรงงานเก็บผลผลิต เนื่องจากแรงงานค่าแรงขั้นต่ำที่ถูกปรับขึ้นเป็นวันละ 300 บาท แตกต่างจากปีที่ผ่านมาที่ค่าจ้างตกวันละ 200-250 บาทเท่านั้น โดยเกษตรกรต่างได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก เพราะค่าแรงงานแพงกว่าราคาผลผลิตที่เป็นอยู่ จึงต้องการให้รัฐบาลเข้าช่วยเหลือ หรือหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาด้วยการเข้ามาแทรกแซงราคาให้ผลผลิตมังคุดไม่ตกต่ำ