กาญจนบุรี - รอง ผวจ.กาญจนบุรี นำทีมเจ้าหน้าที่เดินลุยป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ตรวจซากลูกช้างเพศเมียที่เสียชีวิตที่บริเวณเขาป่าโป่งเก้ง บ้านท่ามะนาว หวั่นเป็นลูกช้างจากอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานที่ตามหา ตรวจสอบเบื้องต้น ทุกหน่วยงานเชื่อเป็นลูกช้างป่าในพื้นที่
เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (21 มี.ค.) นายสุริยันต์ กาญจนศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้ายนายสัตวแพทย์ สามารถ ประสิทธิ์ผล นายสัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดกาญจนบุรี นายเกรียงศักดิ์ จตุรสุขสกุล หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จ.กาญจนบุรี พ.ต.อ.ชินภัทร ตันศรีสกุล รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.ภัทรชัย กอสนาน ผกก.กสส.ภ.จว.กาญจนบุรี พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เดินทางไปตรวจซากลูกช้างป่าเพศเมีย อายุประมาณ 1 ปีเศษ หลังจากได้รับแจ้งจากชาวบ้านที่เข้าไปหาผักหวาน โดยใช้เวลาในการเดินเท้าเข้าไปประมาณ 4-5 กิโลเมตร จึงถึงจุดพบซากช้าง เหตุดังกล่าวเกิดที่บริเวณเขาป่าโป่งเก้ง บ้านท่ามะนาว หมู่ 2 ต.วังด้ง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
เมื่อไปถึงพบซากลูกช้างเสียชีวิตอยู่ในลักษณะนอนคุดคู้ คณะสัตวแพทย์ได้ทำการตรวจสอบตามร่างกายไม่พบบาดแผลตามผิวหนัง หรือร่องรอยของการถูกทำร้ายแต่อย่างใด ซึ่งจากการใช้มือกดลงที่ผิวหนังตามส่วนต่างๆ ของร่างกายลูกช้างตัวดังกล่าวก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ
จากนั้น คณะสัตวแพทย์ พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ภ.จว.กาญจนบุรี ได้ทำกายถ่ายภาพส่วนต่างๆ เอาไว้อย่างละเอียด จากนั้นคณะสัตวแพทย์ได้ทำการพลิกตัวลูกช้างให้อยู่ในสภาพนอนหงายเพื่อผ่าซากช้าง และนำเอาชิ้นส่วนอวัยวะภายในไปพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต
สำหรับชิ้นส่วนที่ทางคณะสัตวแพทย์นำไปพิสูจน์ประกอบด้วย ลิ้น ตับ ไต กระเพราะ เลือด เป็นต้น โดยคณะสัตวแพทย์ได้ใช้เวลาในการผ่าซากประมาณ 30 นาทีจึงแล้วเสร็จ จากนั้นจึงให้เจ้าหน้าที่ทำการเผาซากลูกช้างในที่เกิดเหตุเพื่อทำลาย
นายสุริยันต์ กาญจนศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยภายหลังว่า หลังจากได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ว่ามีชาวบ้านพบลูกช้างป่าเสียชีวิต ดังนั้น จึงได้รีบประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวให้รีบเดินทางมาร่วมตรวจสอบในทันที และจากการรายงานของคณะสัตวแพทย์ที่ทำการผ่าซากพิสูจน์ก็พบว่าลูกช้างตัวดังกล่าวน่าจะเสียชีวิตจากการเกิดอุบัติเหตุ หรือไม่ก็ถูกสัตว์มีพิษทำร้าย
และจากการสอบถาม น.ส.วิลาวรรณ ชาวบ้านที่พบเห็นเป็นคนแรกก็ทราบว่า ขณะที่ลูกช้างป่าตัวดังกล่าวนอนเสียชีวิตอยู่นั้น แม่ของช้างรวมทั้งช้างพี่เลี้ยงประมาณ 2-3 ตัวก็ยังคงเดินวนเวียนอยู่รอบๆ ลูกช้าง ซึ่งแสดงแดงให้เห็นว่า ลูกช้างป่าที่เสียชีวิตไม่ใช่ลูกช้างที่หายไปจากอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานแต่อย่างใด
อีกทั้งผลการตรวจสภาพตามร่างกายไม่พบร่องรอยของการถูกทำร้ายแต่อย่างใดอีกด้วยแต่อย่างไรต้องรอผลการพิสูจน์ของคณะสัตวแพทย์ให้แน่ชัดอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งคาดว่าคงอีกไม่นานก็คงจะรู้ผล
ด้านนายสัตวแพทย์สามารถ ประสิทธิ์ผล เปิดเผยภายหลังว่า จากการตรวจสอบครั้งแรกที่พบซากลูกช้าง คาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 8 ชั่วโมง สาเหตุเบื้องต้นเราได้ตั้งไว้ 2 ประเด็น คือ 1.คาดว่าน่าจะเกิดจากอุบัติเหตุจากการที่โขลงช้างกลุ่มดังกล่าวมีอยู่ด้วยกันหลายตัว และช้างได้เล่นกันอย่างซุกซน ทำให้ช้างตัวอื่นเล่นพลาดเกิดชนลูกช้างตัวดังกล่าวบาดเจ็บ และตกไถลลงตามเนินเขาจนทำให้อวัยวะภายในเกิดช้ำใน และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ประเด็นที่ 2 อาจเสียชีวิตจากการถูกสัตว์มีพิษกัดเข้าที่บริเวณใดบริเวณหนึ่งของร่างกายก็เป็นได้ แต่อย่างไรก็ตาม เราได้ตัดเอาอวัยวะที่สำคัญไปตรวจทางวิทยาศาสตร์ให้แน่ชัดอีกครั้งหนึ่ง คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3 วันคงจะรู้ผล
ส่วน พ.ต.อ.ชินภัทร ตันศรีสกุล รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี กล่าวว่า หลังจากได้รับแจ้งว่าพบลูกช้างเสียชีวิตอยู่ภายในป่าแห่งนี้ พล.ต.ต.กมลสันติ กลั่นบุศย์ ผู้บังคับบัญชา ได้สั่งการให้ตนพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบซากช้างอย่างใกล้ชิด เนื่องจากที่ผ่านมา เกิดเหตุฆ่าแม่ช้างเพื่อเอาลูกเหตุเกิดในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี
ดังนั้น เราจึงมาตรวจสอบดูว่าช้างป่าตัวดังกล่าวจะเป็นลูกช้างตัวเดียวกันหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามข้อมูลเบื้องต้นจากชาวบ้านในพื้นที่ และลักษณะของภูมิประเทศ น่าจะเป็นลูกช้างป่าที่เกิดจากแม่ช้างป่าในพื้นที่แห่งนี้ อย่างไรก็ตามเราได้เก็บเนื้อเยื่อของลูกช้าง พร้อมทั้งขอความร่วมมือจากคณะสัตวแพทย์ ที่ทำการผ่าซากให้ช่วยตรวจผลดีเอ็นเอ เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับดีเอ็นเอ ของแม่ช้างที่ถูกฆ่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานอีกทางหนึ่งด้วย
นายประวุธ เปรมปรีดิ์ ผู้ช่วยหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ เปิดเผยว่า หลังจากได้รับแจ้งจากกำนันตำบลวังด้ง และผู้ใหญ่บ้าน ว่ามีชาวบ้านเข้าไปหาของป่า และพบลูกช้างป่านอนเสียชีวิตอยู่ที่บริเวณเขาป่าโป่งเก้ง หลังรับแจ้งตนจึงได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ ซึ่งปรากฏว่า พบลูกช้างป่าเสียชีวิตจริง จากนั้นจึงงรายงายให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมทั้งประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมตรวจสอบ
สำหรับช้างป่าที่อาศัยอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระมีอยู่ประมาณ 270 ตัวถึง 300 ตัว แต่โขลงที่ลูกช้าป่าอาศัยอยู่รวมกันมีอยู่ประมาณ 6 ตัว ส่วนตัวเชื่อว่าลูกช้างที่เสียชีวิตไม่ใช่ลูกช้างป่าที่หายไปจากอุทยานแห่งชาติตามที่เป็นข่าวอย่างแน่นอน แต่เพื่อความแน่ชัด ต้องรอผลพิสูจน์จากคณะสัตวแพทย์อีกครั้งหนึ่ง