ชาวบ้านเครือข่ายฮักน้ำของ ร่วมรณรงค์หยุดเขื่อนโลก ลั่นไม่เอาเขื่อนกั้นแม่น้ำโขง

อุบลราชธานี - กลุ่มเครือข่ายฮักน้ำของ ร่วมรณรงค์หยุดเขื่อนโลก โดยจัดขบวนเรือล่องตามลำน้ำโขงระยะทางเกือบ 20 กิโลเมตร เพื่อประกาศเจตนารมณ์ไม่เอาเขื่อนกั้นแม่น้ำโขง

เช้าวันนี้ (14 มี.ค.) เครือข่ายชุมชนคนฮักน้ำของ จ.อุบลราชธานี ประมาณ 70 คนจัดกิจกรรมต่อต้านการสร้างเขื่อนในแม่น้ำโขง เนื่องในวันหยุดเขื่อนโลก 14 มีนาคม โดยรวมตัวที่ท่าน้ำบ้านตามุย ต.ห้วยไร่ อ.โขงเจียม และร่วมกันแสดงการกลืนกินแม่น้ำ ของกลุ่มนายทุนชาวไทยและต่างชาติ ซึ่งพยายามผลักดันให้มีการสร้างเขื่อนกั้นลำแม่น้ำโขง จนส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านสองฝั่ง

นอกจากนี้ เครือข่ายชุมชนคนฮักน้ำของได้จัดขบวนเรือหาปลา 30 ลำ ติดป้ายข้อความ เช่น อย่าทำร้ายเราด้วยการสร้างเขื่อน ปกป้องแหล่งอาหารของชุมชน และ 3 พันโบกต้องดำรงไว้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ทางการไทยและลาวมีความร่วมมือจะก่อสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำโขง เพื่อใช้ผลิตพลังงานไฟฟ้าบริเวณบ้านกุ่ม-ตามุย อ.โขงเจียม ซึ่งจะทำให้น้ำท่วมเป็นบริเวณกว้าง ตั้งแต่ อ.โขงเจียม ถึง อ.เขมราฐ ซึ่งส่งผลกระทบกับแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติของสองฝั่งแม่น้ำโขง

เมื่อได้รับการต่อต้านจากชาวบ้านในพื้นที่ บริษัทเอกชนที่คาดจะได้รับสัมปทาน จึงศึกษาสถานก่อสร้างใหม่บริเวณบ้านลาดเสือ เมืองโพนทอง แขวงจำปาสัก สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อลดกระแสการต่อต้านจากชาวบ้านในฝั่งไทย แต่จนถึงวันนี้ยังไม่สามารถก่อสร้างได้

ทั้งนี้ ขบวนรณรงค์ของเครือข่ายชุมชนคนฮักน้ำของได้ล่องเรือหาปลา 30 ลำ เป็นระยะทางเกือบ 20 กิโลเมตร โดยแวะที่หาดวิจิตรตราให้เยาวชนจากบ้านตามุยและบ้านกุ่ม ทำกิจกรรมแสดงท่ากระเสือกกระสนหนีน้ำที่ไหลท่วมชุมชน พร้อมแสดงวงรอบชีวิตคนลุ่มน้ำที่หากินอยู่กับน้ำ ก่อนล่องเรือมารวมกันที่ท่าน้ำที่หน้าว่าการอำเภอโขงเจียม เพื่ออ่านแถลงการณ์และประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการสร้างเขื่อน เนื่องในวันหยุดเขื่อนโลก

นายวัย ป้องพิมพ์ ประธานเครือข่ายชุมชนคนฮักน้ำของ กล่าวถึงข้อเรียกร้องของเครือข่าย คือ ให้รัฐบาลไทยและรัฐบาลประเทศลุ่มน้ำโขงอีก 5 ประเทศ ประกอบด้วย จีน ลาว พม่า กัมพูชา และเวียดนาม ยกเลิกโครงการสร้างเขื่อนทั้งหมดในแม่น้ำโขง ศึกษาผลกระทบและฟื้นฟูเยียวยาผลกระทบทุกด้านที่เกิดขึ้น ในกรณีเขื่อนที่สร้างไปแล้ว สร้างความร่วมมือในการบริหารจัดการทรัพยากรลุ่มน้ำโขง ภายใต้การพัฒนาที่ยั่งยืน และการมีส่วนร่วมของประชาชน ต้องเคารพสิทธิของชุมชนดั้งเดิม รวมทั้งขอให้รัฐบาลลุ่มแม่น้ำโขง ให้ความสำคัญต่อการกำหนดนโยบายสนับสนุนการพัฒนาพลังงานที่ยั่งยืน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์

โดยส่งเสริมให้ประชาชนผลิตกระแสไฟฟ้าใช้เองในระดับชุมชนและครัวเรือน เพื่อลดการพึ่งพาพลังงานจากแหล่งที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งสร้างผลกระทบกับชีวิต สิ่งแวดล้อม และสังคมอย่างรุนแรง เพื่อให้สอดคล้องกับคำประกาศในวันหยุดเขื่อนโลก 14 มีนาคมที่ว่า “น้ำเพื่อชีวิต ไม่ใช่น้ำเพื่อความตาย” จึงขอประกาศเจตนารมณ์ปล่อยแม่น้ำโขงให้ไหลอย่างมีอิสระต่อไปด้วย