พระนครศรีอยุธยา - อุกอาจกลางชุมชน มือปืนขับกระบะอีซุซุไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ปาดหน้ารถ จยย.จ่อยิงผู้ใหญ่บ้านกรุงเก่าริมถนนสายเสนา-ผักไห่ อาการสาหัส ตำรวจมุ่งปมปัญหาส่วนตัว และการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ใหญ่บ้านที่อาจจะไปทำให้ใครเสียผลประโยชน์
เมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้ (5 มี.ค.) ร.ต.ต.ณรงค์ฤทธิ์ บันนิตามัย พนักงานสอบสวน สภ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณริมถนนสายเสนา-ผักไห่ ใกล้กับทางเข้าวัดท่าดินแดง ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.วารินทร์ ทองตรา ผกก.สภ.ผักไห่ พ.ต.ท.ประสิทธิ์ ฟักศรี รอง ผกก.ป.สภ.ผักไห่ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบร่าง นายสมชาย อินคง อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18 หมู่ 6 ต.ท่าดินแดง เป็นผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 6 ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา สวมชุดเครื่องแบบผู้ใหญ่บ้าน มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่บริเวณแก้มซ้ายกระสุนฝังใน 1 นัด อีก 1 นัด เข้าอกซ้ายทะลุไหล่ซ้าย รวมเป็น 2 นัด อาการสาหัส เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา ในที่เกิดเหตุพบกองเลือดจำนวนมาก ปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. ตกอยู่ 2 ปลอก รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีขาว หมายเลขทะเบียน ขคฉ 979 พระนครศรีอยุธยา ล้มอยู่ริมถนน ใกล้กันพบหมวกกันน็อกของผู้บาดเจ็บตกอยู่
สอบสวน น.ส.น้ำผึ้ง คีรีวงค์ อายุ 30 ปี เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านกล่าวว่า ตนพร้อมผู้ใหญ่บ้านได้เดินทางไปประชุมประจำเดือนที่ว่าการอำเภอผักไห่ ได้นั่งซ้อนท้ายผุ้ใหญ่บ้านเพื่อที่จะกลับบ้าน พอใกล้จะถึงบ้าน ได้มีรถยนต์กระบะอีซุซุ สีบรอนซ์ทอง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขับรถเข้ามาปาดหน้าบังคับให้จอด จากนั้นคนในรถได้ชักอาวุธปืนออกมายิงใส่ผู้ใหญ่บ้านจนรถจักรยานยนต์ล้มลง ตนพร้อมกับชาวบ้านได้เร่งช่วยเหลือผู้ใหญ่บ้านส่งโรงพยาบาล
“ช่วงที่เกิดเหตุเร็วมากไม่ สามารถจำลักษณะ หรือใบหน้าของคนร้ายได้ ไม่รู้ว่าสาเหตุมาจากเรื่องอะไร ผู้ใหญ่บ้านเป็นคนดี เป็นผู้ใหญ่บ้านมาเกือบ 4 ปีแล้ว ทำงานเป็นขวัญใจของชาวบ้าน หน้าที่การงานไม่เคยบกพร่องขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวคนร้ายให้ได้โดยเร็ว ช่วงเกิดเหตุมีชาวบ้านผ่านไปมาจำนวนมาก คนร้ายก่อเหตุต่อหน้าประชาชน”
นายพิชญา อินคง อายุ 22 ปี บุตรชายผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเปิดเผยว่า คนร้ายก่อเหตุโหดเหี้ยมมากยิงพ่อกำลังจะกลับบ้าน เหลืออีกไม่ถึง 100 เมตรจะถึงบ้านอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าสาเหตุเกิดจากเรื่องอะไร พ่ออาการหนักมากสงสารพ่อ แต่มั่นใจว่าพ่อคงจะรอด โดยร้องไห้เสียใจตลอดเวลา ยังไม่สามารถพูดได้ในตอนนี้
พ.ต.อ.วารินทร์ กล่าวว่า คดีนี้ถือว่าคนร้ายไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ก่อเหตุในที่ชุมชนจากการสอบสวนพยานที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุพอจะทราบลักษณะของคนร้ายบ้างแล้ว ส่วนสาเหตุต้องรอสอบสวนญาติ ผู้ร่วมงานทั้งที่อยู่ในที่ประชุม และในชุมชนว่าผู้ใหญ่บ้านมีความขัดแย้งกับใครบ้าง ซึ่งในเบื้่องต้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มุ่งไปในเรื่องปัญหาส่วนตัว และเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ใหญ่บ้านที่อาจจะไปทำให้ใครเสียผลประโยชน์
“ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานก่อนสักระยะ มั่นใจว่าจะสามารถนำตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด”