นครพนม - เกษตรกรปลูกกะหล่ำริมตลิ่งแม่น้ำโขงนครพนมชี้ปีนี้อากาศร้อน โอดผลผลิตไม่สมบูรณ์ออกหัวเล็ก และมีศรัตรูพืชทำลายจำนวนมาก
วันนี้ (2 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดนครพนม ว่า ที่บริเวณริมตลิ่งแม่น้ำโขงบ้านหนาด ต.บ้านกลาง อ.เมือง จ.นครพนม ซึ่งชาวบ้านที่นี่ทุกปีหลังจากน้ำโขงลดลงก็จะพากันปรับพื้นที่เพาะปลูกพืชระยะสั้นหลายชนิดขายทำเงิน เช่น กะหล่ำ หอม ฯลฯ เกษตรกรแต่ละรายจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 2-3 หมื่นบาท แต่ละปีจะได้ผลผลิตดีมากเนื่องจากดินริมตลิ่งโขงจะมีแร่ธาตุสูง และมีแหล่งน้ำสมบูรณ์สูบน้ำโขงขึ้นมารด ยกเว้นปีนี้การทำเกษตรกรรมริมตลิ่งโขงมีปัญหามาก
นายคำภา แสงเมือง เกษตรกรบ้านหนาดรายหนึ่งเปิดเผยว่า การทำเกษตรกรรมริมตลิ่งแม่น้ำโขงปีนี้หลายรายมีปัญหามากในรอบ 30 ปี ถึงแม้การเพาะปลูกเราจะมีดินที่ดีน้ำอุดมสมบูรณ์เหมือนทุกปีที่ผ่านมา แต่ปีนี้เกษตรกรมีปัญหาเรื่องสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงคือ อากาศหนาวมาช้ามาก แต่อากาศร้อนมาเร็วจนผิดปกติ คือ พืชที่ชาวบ้านนิยมปลูกจะเป็นพืชระยะสั้นปลูกเร็วขายเร็ว
อย่างกรณีครอบครัวตนจะปลูกกะหล่ำ และหอมประมาณ 2 ไร่ จะเริ่มปลูกในเดือนธันวาคม นำผลผลิตขายได้ในเดือนกุมภาพันธ์ แต่ละปีจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 2-3 หมื่นบาท แต่ปีนี้อากาศไม่เหมือนเดิม ที่ในเดือนธันวาคมปกติจะหนาวจัด ทำให้ต้นกะหล่ำสมบูรณ์ ลูกโตให้ผลผลิตสูง ศัตรูพืชน้อย แต่ปีนี้หนาวน้อยมาก
ส่วนใหญ่จะเป็นอากาศร้อนทำให้กะหล่ำออกหัวไม่สมบูรณ์ในเดือนมกราคม และในปลายเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม เป็นช่วงเก็บผลผลิตออกสู่ตลาด หัวกะหล่ำมีหัวเล็กมากบางส่วนเน่า คือ อากาศร้อนจะทำให้หัวกะหล่ำเล็ก มีศรัตรูพืช เช่น แมลงเจาะกินใบหัวอ่อนกะหล่ำมากกว่าอากาศหนาวจัด จึงทำให้ผลผลิตเกษตรกรได้ไม่เต็มที่
วันนี้ (2 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดนครพนม ว่า ที่บริเวณริมตลิ่งแม่น้ำโขงบ้านหนาด ต.บ้านกลาง อ.เมือง จ.นครพนม ซึ่งชาวบ้านที่นี่ทุกปีหลังจากน้ำโขงลดลงก็จะพากันปรับพื้นที่เพาะปลูกพืชระยะสั้นหลายชนิดขายทำเงิน เช่น กะหล่ำ หอม ฯลฯ เกษตรกรแต่ละรายจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 2-3 หมื่นบาท แต่ละปีจะได้ผลผลิตดีมากเนื่องจากดินริมตลิ่งโขงจะมีแร่ธาตุสูง และมีแหล่งน้ำสมบูรณ์สูบน้ำโขงขึ้นมารด ยกเว้นปีนี้การทำเกษตรกรรมริมตลิ่งโขงมีปัญหามาก
นายคำภา แสงเมือง เกษตรกรบ้านหนาดรายหนึ่งเปิดเผยว่า การทำเกษตรกรรมริมตลิ่งแม่น้ำโขงปีนี้หลายรายมีปัญหามากในรอบ 30 ปี ถึงแม้การเพาะปลูกเราจะมีดินที่ดีน้ำอุดมสมบูรณ์เหมือนทุกปีที่ผ่านมา แต่ปีนี้เกษตรกรมีปัญหาเรื่องสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงคือ อากาศหนาวมาช้ามาก แต่อากาศร้อนมาเร็วจนผิดปกติ คือ พืชที่ชาวบ้านนิยมปลูกจะเป็นพืชระยะสั้นปลูกเร็วขายเร็ว
อย่างกรณีครอบครัวตนจะปลูกกะหล่ำ และหอมประมาณ 2 ไร่ จะเริ่มปลูกในเดือนธันวาคม นำผลผลิตขายได้ในเดือนกุมภาพันธ์ แต่ละปีจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 2-3 หมื่นบาท แต่ปีนี้อากาศไม่เหมือนเดิม ที่ในเดือนธันวาคมปกติจะหนาวจัด ทำให้ต้นกะหล่ำสมบูรณ์ ลูกโตให้ผลผลิตสูง ศัตรูพืชน้อย แต่ปีนี้หนาวน้อยมาก
ส่วนใหญ่จะเป็นอากาศร้อนทำให้กะหล่ำออกหัวไม่สมบูรณ์ในเดือนมกราคม และในปลายเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม เป็นช่วงเก็บผลผลิตออกสู่ตลาด หัวกะหล่ำมีหัวเล็กมากบางส่วนเน่า คือ อากาศร้อนจะทำให้หัวกะหล่ำเล็ก มีศรัตรูพืช เช่น แมลงเจาะกินใบหัวอ่อนกะหล่ำมากกว่าอากาศหนาวจัด จึงทำให้ผลผลิตเกษตรกรได้ไม่เต็มที่