ตาก- อุบัติเหตุสลดรถยนต์ชนกัน 3 คันซ้อน ก่อนเสียหลักมาชนรถนักเรียนมัธยมคันแรก เจ็บระนาว-ตาย 1 พบรถต้นเหตุมีหนุ่มชาวพม่าเป็นคนขับซิ่งลงจากเขา
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก ได้รับแจ้งเหตุเกิดอุบัติเหตุรถชนกัน 3 คัน ที่บริเวณหน้าศาลขุนสามชน ถนนสายอำเภอแม่สอด-อำเภอเมืองตาก เขตตำบลแม่ปะ อ.แม่สอด ห่างจากจุดตรวจทหาร บ้านห้วยหินฝน ประมาณ 500 เมตร วานนี้ (20 ก.พ. 56) จึงประสานกับทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 อ.แม่สอด ซึ่งอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ และหน่วยกู้ภัย อป.พร.เทศบาลนครแม่สอด รุดไปตรวจสอบ-ช่วยเหลือ
ที่เกิดเหตุพบรถยนต์สองแถวโดยสารดัดแปลงมีที่นั่งด้านหลังเพื่อรับส่งนักเรียน หมายเลขทะเบียน นข 1451 ตาก เสียหลักพลิกคว่ำอยู่ข้างถนน มีนายองอาจ ปูวิใจ อายุ 43 ปี เป็นคนขับ ซึ่งเจ้าหน้าที่พบมีนักเรียนได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก จึงช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลแม่สอด ยังพบศพ 1 รายนอนเสียชีวิตข้างถนน ทราบชื่อต่อมาคือนายอรรถพล ปูวิใจ อายุ 15 ปี เด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสรรพวิทยาคม สภาพศพหัวแบะ และทำการปิดการจราจรชั่วคราว
ในที่เกิดเหตุยังพบรถยนต์ฮีโน่ หมายเลขทะเบียน 80-6777 ตาก บรรทุกซังข้าวโพด ได้รับความเสียหายที่กระจกด้านหน้า มีนายธนภัทร คุณคง อายุ 39 ปี เป็นคนขับ ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ถูกชนคันแรก ส่วนรถยนต์ที่ถูกชนคันที่ 2 คือ รถโดยสารนักเรียน และพบรถยนต์กระบะอีกคันเป็นรถต้นเหตุ ที่ขับมาอย่างเร็วคือกระบะยี่ห้อโตโยต้า หมายเลขทะเบียน บต 6613 ตาก สีบรอนซ์เงิน มีนายโม อายุ 20 ปี ลูกชาวพม่าที่อาศัยอยู่ในอ.แม่สอด พลิกคว่ำอยู่ข้างถนนเป็นคนขับ โดยมีหัวจักรเย็บผ้าเก่าที่บรรทุกมาด้วยตกกระจายเกลื่อนถนน
จากการสอบสวนทราบว่า นายโม ได้ขับรถยนต์บรรทุกหัวจักรเย็บผ้ามาจากอ.เมืองตากไปอ.แม่สอด กับเพื่อนผู้โดยสาร 1 คน เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุเป็นทางชันลงเขาได้ขับรถลงอย่างเร็วจนเสียหลักไปชนรถนายธนภัทร ที่บรรทุกซังข้าวโพดไปส่งที่ตำบลแม่ท้อ อ.เมืองตาก และเสียหลักไปชนรถนักเรียนเป็นคันที่ 2 ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายโมไว้ แต่ยังไม่ปักใจเชื่อว่านายโมขับ เพราะมีชายอีกคนที่เป็นญาตินั่งไปด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุบรรดาญาติๆ นักเรียนจากโรงเรียนเทศบาลวัดชุมพล โรงเรียนเทศบาลวัดบุญญาวาส โรงเรียนสรรพวิทยาคม ซึ่งอาศัยอยู่ที่บ้านแม่ละเมา ต.พะวอ อ.แม่สอด จำนวนมากเดินทางไปเรียนที่โรงเรียนในพื้นที่เขตเทศบาลนครแม่สอด แบบเช้าไป-เย็นกลับ ต่างไปดูที่เกิดเหตุและตรวจสอบว่ามีใครได้รับบาดเจ็บหรือไม่