เลย - ชาวบ้านคกไผ่ ต.ปากชม แห่ลงน้ำโขงร่อนหาทองคำยามหน้าแล้งที่น้ำโขงแห้ง หลายครัวเรือนยึดเป็นอาชีพหลักร่อนทองขายได้เงินเป็นกอบเป็นกำ แม้จะทำได้แค่ปีละครั้งเท่านั้น ชี้นับวันทองคำในลำน้ำโขงหายากมากขึ้น
เมื่อเข้าสู่ฤดูแล้งของทุกปีที่บริเวณลำน้ำโขง บ้านคกไผ่ ตำบลปากชม อำเภอปากชม จังหวัดเลยจะมีชาวบ้านจำนวนหนึ่งส่วนใหญ่เป็นหญิงสูงอายุ ใช้โอกาสในช่วงหน้าแล้งระดับแม่น้ำโขงลดลงจนเกิดเกาะแก่งจำนวนมาก พากันลงมาร่อนทองคำ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “เล่นคำ” ซึ่งปะปนอยู่กับทรายและก้อนกรวด โดยใช้ปรอทเป็นตัวแยกเนื้อทองคำออกจากทราย
นางเภา สมหวัง อายุ 67 ปี หนึ่งในกลุ่มคน “เล่นคำ” บ้านคกไผ่ เล่าว่า ตนร่อนหาทองคำในลำน้ำโขงเป็นอาชีพมาตั้งแต่สมัยยังสาวจนมาถึงปัจจุบัน สามารถนำเงินสะสมที่ได้จากการขายทองคำที่ร่อนได้มาสร้างบ้านและส่งลูกหลานได้เล่าเรียนกันจนจบไปแล้วหลายคน แต่การร่อนหาเศษทองคำนั้นจะทำได้ก็เฉพาะในช่วงหน้าแล้งเท่านั้น
นางเภาเล่าต่อว่า เฉลี่ยแล้วสำหรับตนในแต่ละสัปดาห์จะได้เนื้อทองคำน้ำหนักประมาณ 1-1.5 กรัม หากคิดเป็นเงินก็ประมาณ 1,000-1,400 บาท หรือแล้วแต่จะโชคดีได้มากกว่านั้น จากนั้นก็จะนำไปขายให้กับร้านทองในตัวอำเภอปากชม หรือตัวจังหวัดเลย
“ชาวบ้านแถบนี้จะอาศัยช่วงที่น้ำโขงนั้นเหลือน้อย คือตั้งแต่กุมภาพันธ์ถึงเมษายนของทุกปี หาเงินหารายได้จากความแห้งแล้งของน้ำโขง ซึ่งเป็นอาชีพที่สืบทอดกันมานานหลายชั่วอายุคน แต่ละครอบครัวสามารถสร้างรายได้จากการลงโขงร่อนทองหลายหมื่นบาทในแต่ละปี” นางเภากล่าว
อย่างไรก็ตาม ในหน้าแล้งปีนี้ปรากฏว่ามีชาวบ้านลงมาร่อนทองในลำน้ำโขงกันมากขึ้น เพราะราคาทองคำสูงขึ้นมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา แต่การที่จะได้ทองคำนั้นก็ไม่ได้หาง่ายเหมือนแต่ก่อนกลับหายากมากขึ้น