เชียงราย - ตรวจคนเข้าเมืองตามบี้ผู้ประกอบการโรงแรม-ห้องพักภาคเหนือ แจ้งชื่อลูกค้าต่างชาติป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ หลังพบสถิติห่วยสุดในประเทศ
วันนี้ (16 ก.พ.) พ.ต.อ.สงบ สันอุดร รอง ผบก.ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เป็นประธานเปิดโครงการแจ้งที่พักอาศัยทางอินเทอร์เน็ต ป้องกันภัยอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หอประชุมอินทนิล มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย มีผู้ประกอบการห้องพัก โรงแรม และอื่นๆ กว่า 250 คนเข้ารับฟังสถานการณ์การเข้าพักอาศัยของชาวต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยว รวมทั้งชี้ให้เห็นถึงภัยของการไม่แจ้งรายชื่อผู้เข้าพักชาวต่างชาติ ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง 2522 มาตรา 38 ที่ระบุให้ผู้ประกอบการต้องแจ้งให้ ตม.ทราบ โดยปัจจุบันมีระบบอินเตอร์เน็ตให้แจ้งได้แล้ว
นายพรหมโชติ ไตรเวช ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า เชียงรายมีโรงแรมและห้องพัก 241 แห่ง มีห้องพักรวม 18,000 ห้อง ปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 450,000 คน และในอนาคตมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น เพราะคนพม่าอาจได้รับอนุญาตให้เดินทางผ่านชายแดนเข้ามาลึกกว่าตัวเมืองเชียงราย อีกทั้งไทยจะเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี เงื่อนไขจะผ่อนปรนลงเรื่อยๆ ขณะที่คนจีนจากยูนนานก็มีโครงการออกหนังสือเดินทางระหว่างประเทศให้คนจีนกว่า 100,000 ฉบับ ทำให้คนกลุ่มนี้จะทะลักเข้ามาอีกมาก เช่นเดียวกับกลุ่มกาหลี อินเดีย ขณะที่ธุรกิจห้องพักในเชียงราย ก็ขยายตัวไปสู่การเป็นโฮมสเตย์มากขึ้น โดยขยายจากชนบทเป็นโฮมสเตย์ในตัวเมืองแล้ว
นายอภิชา ตระสินธ์ นายกสมาคมท่องเที่ยวเชียงราย กล่าวว่า ปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวเข้าเชียงรายประมาณ 2.4 ล้านคน เงินสะพัดประมาณ 14,000 ล้านบาท ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนตอนใต้ ก็มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น เพราะคนจีนที่ยูนานกว่า 1 ล้านคนจากประมาณ 48 ล้านคน มีหนังสือเดินทางแล้ว ทำให้ทะลักข้ามมา อ.เชียงของ ปีละกว่า 10,000 คน
ด้าน พ.ต.อ.สงบกล่าวว่า ปัจจุบันตม.5 ทำหน้าที่บแจ้งชื่อและรายละเอียด หรือ ทร.14 ของผู้เข้าพักชาวต่างชาติจากผู้ประกอบการ อย่างไรก็ตามการประชุมที่ จ.หนองคาย เมื่อเร็วๆนี้มีการแจ้งสถิติการแจ้งจากผู้ประกอบการทั่วประเทศว่ามี 500,000-600,000 ราย ปรากฏว่าพื้นที่ซึ่งแจ้งเจ้าหน้าที่น้อยที่สุด คือ ภาคเหนือ จังหวัดที่มีการแจ้งน้อยที่สุด คือ จ.เชียงราย รองลงมาคือจ.เชียงใหม่
“เราจะเป็นเออีซี จะมีถนนอาร์สามเอ แต่กลับมีการแจ้งการเข้าพักของชาวต่างชาติน้อยที่สุด ดังนั้นจากนี้ไปขอให้ผู้ประกอบการให้ความร่วมมือ เพราะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับภาษี แต่จะใช้เพื่องานด้านความมั่นคงเท่านั้น และที่สำคัญยังมีส่วนสำคัญในการช่วยป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ หรือเมื่อเกิดคดีก็สามารถคลี่คลายคดีได้มาก”
พ.ต.อ.สงบกล่าวว่า มีโรงแรมแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ ไม่แจ้งชื่อผู้เข้าพัก เมื่อมีการฆาตรกรรมเกิดขึ้นทำให้ที่ตำรวจติดตามตัวคนร้ายได้ยากมาก แต่เมื่อคนร้ายหลบหนีไปพักที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และทางโรงแรมแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ ทำให้ติดตามจับกุมคนร้ายได้ทัน ก่อนที่จะบหนีออกไปทางสนามบินสุวรรณภูมิ ส่วนผู้ประกอบการที่ จ.เชียงใหม่ ก็มีความผิดที่ไม่แจ้ง เสียค่าปรับครั้งละ 1,600 บาท และเมื่อดูสถิติย้อนหลัง ปรากฏว่าไม่แจ้งมาเป็นเวลานานแล้วด้วย
“การแจ้งผู้เข้าพักให้ ตม.ทราบมีผลดี คือ ช่วยให้ความมั่นใจกับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะกรณีผู้เข้าพักสร้างปัญหา เช่น ไม่จ่ายเงินแล้วหนีออกจากโรงแรม ป้องกันปัญหาอาชญากรรม และอาชญากรรมข้าม ดังนั้น ตม.จะมีการมาตรการที่เข้มข้นมากขึ้น คือ ตั้งแต่เดือนมีนาคมนี้ จะตระเวนไปพบปะผู้ประกอบการทุกแห่ง เพื่อชี้ให้เห็นถึงความสำคัญ และจะส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบอย่างเข้มงวด หากฝ่าฝืนก็จะเปรียบเทียบปรับ เพราะเรื่องนี้ถือว่ามีความสำคัญมาก”