นครพนม - ผบช.ภาค 4 แถลงยึดเฮโรอีนล็อตใหญ่ค่านับ 100 ล้าน หลังหน่วย ป.ป.ส.และตำรวจนครพนมวางแผนจับยกครัว พ่อตา-ลูกเขยกลางดึก พบซุกเต็มรถเก๋ง
วันนี้ (12 ก.พ. 56) เวลา 14.00 น. ที่สถานีตำรวจภูธรนครพนม พล.ต.ท.กวี สุภานันท์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชูรัตน์ ปานเหง้า ผบก.ภ.จว.นครพนม และนายภิญโญ โฆษิต เจ้าพนักงานปราบปรามยาเสพติดจากส่วนกลาง ได้แถลงผลงานการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดเฮโรอีนล็อตใหญ่ โดยจับกุมนายมารุต ศรีหัวแฮ อายุ 30 ปี พร้อมด้วยนางอุไร ประอินทร์ อายุ 32 ปี และนายจิระพัฒน์ ถานะ อายุ 45 ปี ชาว อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ และนายเลิศพงศ์ ถานะ อายุ 28 ปี ชาว อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี พร้อมของกลางยาเสพติดประเภท 1 เฮโรอีน ชนิดผงสีขาวอัดแท่ง ห่อด้วยพลาสติกจำนวน 140 แท่ง น้ำหนักแท่งละประมาณ 350 กรัม รวมน้ำหนักทั้งสิ้นประมาณ 49 กิโลกรัม และเงินสด 1.6 แสนบาท
นอกจากนี้ยังตรวจยึดรถยนต์ของกลางยี่ห้อฮอนด้า สตรีม สีบรอนซ์ ทะเบียน วร-7797 กทม. และรถตู้โตโยต้า สีเทา ทะเบียน นข- 6654 ขอนแก่น
โดยการจับกุมครั้งใหญ่นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.00 น.ของคืนวันที่ 11 ก.พ. เจ้าหน้าที่หน่วย ป.ป.ส.ส่วนกลางได้ขอกำลังเสริมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจนครพนม ให้ช่วยสกัดรถฮอนด้า สตรีม สีบรอนซ์ ทะเบียน วร-7797 กทม.ขึ้นมาจากริมโขงในเขตตำบลบ้านกลาง อ.เมือง มาตามถนนสายธาตุพนม-นครพนม และสามารถสกัดรถได้บริเวณริมถนนหน้าหมู่บ้านพิมพากร เขตเทศบาลเมืองนครพนม มีนายมารุต ศรีหัวแฮ อายุ 30 ปี พร้อมด้วยนางอุไร ประอินทร์ อายุ 32 ปี นายเลิศพงศ์ ถานะ อายุ 28 ปี ชาว อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี อยู่บนรถ
เมื่อนำรถมาตรวจค้นจึงพบเฮโรอีนจำนวนดังกล่าวยัดอยู่ในด้านคนขับ และเจ้าหน้าที่ได้สอบสวนขยายผลจนกระทั่งจับกุมนายจิระพัฒน์ ถานะ อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาเป็นคนขับรถตู้โตโยต้า สีเทา ทะเบียน นข- 6654 ขอนแก่นหลบหนี แต่สามารถประสานงานสกัดจับได้ในพื้นที่ อ.กุสุมาลย์ จ.สกลนคร ก่อนควบคุมตัวมาสอบสวน
เบื้องต้นจากการสอบสวนผู้ต้องหา นายจิระพัฒน์ ถานะ อายุ 45 ปี สารภาพว่ารับจ้างจากนายทุนจำนวน 1 ล้านบาท ตนได้ 5 แสนบาท ที่เหลือแบ่งให้ลูกสาวและลูกเขย และลูกชายแบ่งกันขนเฮโรอีนมาจากเมืองท่าแขก สปป.ลาว ส่งไปที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ทำมาแล้ว 4 ครั้ง โดยผู้ว่าจ้างจะโอนเงินให้หลังทำงานเสร็จ จนพลาดถูกจับกุม ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบสวนขยายผลติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วนมูลค่าของกลางเป็นเงินประมาณ 100 ล้านบาท
