ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - คณะแพทย์และลูกศิษย์นำ “หลวงพ่อคูณ” นั่งรถเข็นออกสูดอากาศชมทัศนียภาพบริเวณระเบียงตึก รพ.มหาราชนครราชสีมา หลังอาการดีขึ้น ไม่มีไข้ ด้านหลวงพ่อสดชื่นยกมือทักทายญาติโยม พร้อมยกแขนโชว์ยืนยันร่างกายแข็งแรง ด้าน ผอ.รพ.ระบุ ขอประเมินอาการอีก 1 สัปดาห์ก่อนพิจารณาให้กลับวัดบ้านไร่
วันนี้ (7 ก.พ.) เมื่อเวลา 12.00 น.ที่ห้องผู้ป่วยพิเศษ 9821 ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ซึ่งเป็นห้องพักรักษาอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา พร้อมด้วย นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งเป็นแพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ พร้อมด้วยพยาบาล และลูกศิษย์ ได้นำหลวงพ่อคูณนั่งรถเข็นผู้ป่วยออกจากห้องผู้ป่วยปลอดเชื้อมาสูดอากาศภายนอกห้องเป็นวันที่ 2 เพื่อให้หลวงพ่อได้ผ่อนคลาย เปลี่ยนอิริยาบถ และเปลี่ยนบรรยากาศ จากการอยู่แต่ภายในห้องผู้ป่วยมานานกว่า 2 เดือน
จากการสังเกตพบว่า หลวงพ่อคูณอารมณ์ดี สดชื่นขึ้นมาก แต่ไม่ค่อยยอมลืมตาเนื่องจากแสงภายนอกค่อนข้างจ้า จนกระทั่งลูกศิษย์ต้องบอกจึงลืมตาดูบรรยากาศภายนอกอาคาร และได้ยกมือทักทายผู้สื่อข่าวและญาติโยมพร้อมยกแขนขึ้นลงเพื่อให้เห็นว่าร่างกายแข็งแรงแล้ว ซึ่งลูกศิษย์ได้เข็นรถพาหลวงพ่อคูณชมทัศนียภาพโรงพยาบาลฯ จากมุมสูงบริเวณระบียงชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลมหาราชฯ ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ก่อนพาเข้าห้องทำกายภาพบำบัดด้วยการปั่นจักรยานไฟฟ้า และให้พักผ่อน ขณะที่บริเวณหน้าห้องยังคงติดป้ายงดเยี่ยมและงดรับกิจนิมนต์
นพ.ณรงค์กล่าวว่า อาการหลวงพ่อคูณขณะนี้ดีขึ้นมาก หลอดลมอักเสบดีขึ้น ไม่มีไข้แล้วและอาจเป็นเพราะสภาพอากาศอุ่นขึ้นทำให้มีเสมหะลดลง ส่วนการปัสสาวะยังต้องใส่สายสวนปัสสาวะไว้ตลอด แต่เนื่องจากหลวงพ่ออายุมาก 90 ปีแล้ว และมีโรคประจำตัวหลายโรค คณะแพทย์จึงต้องเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลง ซึ่งการรักษาตอนนี้เป็นการเฝ้าติดตามดูแลภาวะแทรกซ้อนต่างๆ โดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจ และโรคปอดเดิม รวมถึงการฟื้นฟูสภาพร่างกายให้สามารถทำกิจกรรมได้มากขึ้น และดูแลเรื่องอาหารต่างๆ เพื่อให้กลับมาสมบูรณ์เช่นเดิม
ส่วนการฟื้นฟูสภาพจิตใจจากการเข้าพักรักษาอยู่ในโรงพยาบาลมานานกว่า 2 เดือนนั้น ทางทีมแพทย์ พยาบาล และลูกศิษย์พยายามสร้างการมีปฏิสัมพันธ์กับหลวงพ่อคูณให้มากหลังจากตื่นจากการจำวัด และเมื่ออาการดีขึ้นก็ให้ออกมานอกห้องเพื่อจะได้เปลี่ยนบรรยากาศ ผ่อนคลายและไม่เครียดจนเกินไป ส่วนการให้ศิษยานุศิษย์หรือญาติโยมผู้ใกล้ชิดเข้าไปพูดคุยเพื่อคลายเหงานั้น คงเป็นไปตามวาระต่างๆ เพราะเกรงจะติดเชื้อซ้ำอีก
“ในส่วนการพิจารณากลับวัดบ้านไร่นั้นได้พูดคุยกับลูกศิษย์มาตลอด หากอาการท่านดีขึ้น ไม่มีภาวะแทรกซ้อน คาดว่าอีกสักระยะหนึ่งหลังการฟื้นฟูร่างกายแล้วน่าจะกลับวัดบ้านไร่ได้ แต่ต้องดูปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย รวมทั้งการปรับปรุงกุฏิวัดบ้านไร่ใหม่ และสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว คาดว่าเบื้องต้นจะดูอาการท่านอีกประมาณ 1 สัปดาห์ หากไม่มีภาวะแทรกซ้อนและอาการดีขึ้นต่อเนื่องรวมถึงปัจจัยอื่นๆ เอื้ออำนวย ก็จะอนุญาตให้กลับวัดบ้านไร่” นพ.ณรงค์กล่าว