xs
xsm
sm
md
lg

ป.ป.ส.ตั้งเป้า ปี 56 ยึดทรัพย์ค้ายาสองพันล้าน แก๊งนรกชั่วหนัก ใช้ “เด็ก” เป็นเอเยนต์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เชียงราย - ป.ป.ส.ตั้งเป้า ปี 56 ยึดทรัพย์สินเครือข่ายค้ายานรกให้ได้ถึง 2 พันล้าน หลังปี 55 ยึดได้ 1,800 ล้าน เฉพาะภาค 5 ทำยอด 310 ล้าน ขณะที่เครือข่าย “หน่อคำ” ถูกยึดแล้วร่วม 100 ล้าน แต่เชื่อยังมีอีกเพียบ พบแก๊งค้ายาชั่วหนักใช้เด็กเป็นเอเยนต์ เรียก “ดิ อินโนเซนต์ เอเยนต์”

วันนี้ (31 ม.ค.) นายณรงค์ รัตนานุกูล รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชำนาญ รวดเร็ว รอง ผบช.ภ.5 นายวิชัย ไชยมงคล ผู้อำนวยการ ป.ป.ส.ภาค 5 ไปตรวจสอบการยึดทรัพย์สินเครือข่ายของนายหน่อคำในพื้นที่ภาคเหนือ ทั้งที่ จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย 3 แห่ง ซึ่งที่เชียงรายได้ยึดทรัพย์ที่บ้านสันติคีรี ต.แม่สลองนอก อ.แม่ฟ้าหลวง โดยมีบุคคลอื่นดูแลบ้านให้

นายณรงค์เปิดเผยว่า การยึดทรัพย์เป็นมาตรการหลักของการปราบปราม เพราะนักค้ายาเสพติดทุกรายต้องการได้ทรัพย์สิน ถ้าตัดปัจจัยนี้ก็จะลดมูลเหตุจูงใจการค้ายาเสพติด กรณีของนายหน่อคำก็เข้ายึดทรัพย์ให้เป็นที่ปรากฏ เพื่อให้ทราบกันว่าถ้าค้ายาเสพติดแล้วได้ทรัพย์สินมาก็เอาไปใช้ประโยชน์ไม่ได้เพราะถูกยึด ซึ่งกลุ่มนายหน่อคำส่วนใหญ่เป็นผู้ร่วมกระทำ โดยเฉพาะยักย้าย ถ่ายเท หรือถือครองทรัพย์สินแทน ซึ่งประเทศไทยมีส่วนเอื้อให้มีการยักย้าย และมีตัวแทนหรือนอมินีถือครองทรัพย์สินแทนนักค้ายาเสพติดรายสำคัญ

นายณรงค์กล่าวว่า การยึดทรัพย์สินในภาพรวมพบว่า พื้นที่ภาค 5 ปี 2555 ยึดได้ 525 ราย มูลค่า 310 ล้านบาท ส่วนการยึดทรัพย์ทั่วประเทศกว่า 4,955 ราย มูลค่าประมาณ 1,800 ล้านบาท แต่ก็คาดว่าต้องตรวจสอบอีกมาก โดยเฉพาะภาค 5 โดยทางตำรวจภาค 5 ตั้งทีมร่วมกับ ป.ป.ส.ดำเนินการแล้ว แต่คงจะเปิดเผยไม่ได้ ต้องค่อยๆ ดำเนินการ แม้จะอยู่บนภูเขาก็จะต้องสืบสวนกันต่อไป

“ปี 2556 ได้ตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะยึดทรัพย์ให้ได้ถึง 2,000 ล้านบาท เพราะถือเป็นมาตรการสำคัญในการตัดทุนรอน มูลเหตุและแรงจูงใจในการจะกระทำความผิดในอนาคตได้”

ด้านนายวิชัยกล่าวว่า การยึดทรัพย์กลุ่มนายหน่อคำ เป็นการขยายผลจากการยึดทรัพย์สินของนายจำรัส สมพงษ์พรรณ หรือลุงหนวด วัย 60 ปี ที่ชุมชนป่าเหมือด ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย ชายแดนไทย-พม่า ทำให้มีมูลค่าทรัพย์สินเฉพาะของกลุ่มนายหน่อคำ เมื่อรวมกับที่ยึดทั้งที่เชียงใหม่และเชียงรายรวมกันกว่า 73 ล้านบาท หากยังพบอีกก็จะยึดไปเรื่อยๆ ซึ่งเชื่อว่าเครือข่ายนี้มีนายหน่อคำเป็นตัวหลักอยู่คนเดียว เมื่อถูกจับกุมดำเนินคดีในประเทศจีนไปแล้วก็คงจะหยุด แต่อาจจะมีบุคคลหรือเครือข่ายอื่นเข้ามาสวมแทน ซึ่งจะต้องเฝ้าจับตาและปราบปรามกันต่อไป

“กรณีใช้เด็กเป็นเครื่องมือ คล้ายใช้ผู้บริสุทธิ์ ที่เรียกว่าดิ อินโนเซนต์ เอเยนต์ เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เพราะตอนนี้มีกฎหมายเด็กออกมาทำให้ตำรวจหรือฝ่ายปราบปรามไม่สามารถควบคุมตัว ให้การซัดทอดไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้องได้ อย่างไรก็ตาม เราก็ไม่จนปัญญา เมื่อใช้เด็ก เราก็ต้องหาวิธีการให้เด็กพวกนี้ให้ข่าว หรือกันออกมาเพื่อสืบไปหาตัวการให้ได้”


กำลังโหลดความคิดเห็น