กาฬสินธุ์ - ผบช.ภ.4 ขู่จับตาย ไพรัตน์ วงค์ชาลี ผู้ต้องหาค้ายาบ้า-อาวุธสงครามก่อเหตุยิง ร.ต.ต.สังกัด สภ.ท่าคันโท จ.กาฬสินธุ์ จนบาดเจ็บสาหัส ชี้ มีประวัติอาชญากรรม ถูกออกหมายจับคดีสำคัญในหลายจังหวัดทางภาคอีสาน แถมเคยปะทะกับตำรวจมาก่อน เตือนญาติให้รีบพามามอบตัวก่อนถูกจับตาย
วันนี้ (30 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี ร.ต.ต.ประยงค์ นากองศรี รองสารวัตรป้องกันปราบปรามยาเสพติด สภ.ท่าคันโท จ.กาฬสินธุ์ ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ระหว่างเข้าจับกุม นางอุมา แสนกุง ผู้ต้องหาค้ายาบ้า และ นายไพรัตน์ วงค์ชาลี ชาว จ.ขอนแก่น ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีค้ายาเสพติดและอาวุธสงคราม ซึ่งระหว่างที่เข้าจับกุมตัวนางอุมานั้น นายไพรัตน์ ใช้อาวุธขนาด 9 มม.ยิง ร.ต.ต.ประยงค์ 3 นัด ได้รับบาดเจ็บสาหัส แล้วขโมยรถของตำรวจหลบหนีไปนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 13.30 น. พล.ต.ท.กวี สุภานันท์ ผบช.ภ.4 พ.ต.อ.วิเชียร พินดวง รอง ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ ที่บ้านโคกน้อย ต.ห้วยยาง อ.ท่าคันโท ของ นางอุมา แสนกุง และ นายไพรัตน์ วงค์ชาลี พบว่า เป็นบ้านเดี่ยว ใต้ถุงสูง สร้างในจุดที่มองเห็นถนน โดยอยู่ห่างจากถนนใหญ่ประมาณ 2 กิโลเมตร สร้างเสร็จได้ไม่นาน และยังพบรากไม้พะยูง 3 ชิ้น
พล.ต.ท.กวี กล่าวว่า ขณะนี้ได้กำชับให้ตำรวจทุกแห่งในทุกจังหวัดภาค 4 ร่วมกันกระชับพื้นที่กดดันทุกรูปแบบ ซึ่งเชื่อว่า นายไพรัตน์ หรือ เหี่ยว ยังอยู่ในพื้นที่ใน 3 จังหวัด คือ จ.กาฬสินธุ์ จ.ขอนแก่น และ จ.อุดรธานี โดยตำรวจทุกหน่วยได้ลงพื้นที่สืบสวนหน้าข่าว จึงขอให้ญาติที่สามารถติดต่อได้แจ้งให้ผู้ต้องหามามอบตัว เพราะขณะนี้เป็นที่ทราบว่าผู้ต้องหามีปืน ยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทางที่ดีควรที่จะมอบตัว เพราะหากไปพบและมีการต่อสู้ ตำรวจก็จำเป็นที่จะต้องป้องกันตัว
“นายไพรัตน์ ถือว่าเป็นอาชญากร เป็นนักค้ายาบ้ารายใหญ่ที่ตำรวจติดตาม เพราะมีเครือข่ายและมีความสัมพันธ์กับนักค้ายาทางฝั่งลาว ซึ่งก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2553 เคยปะทะกับตำรวจขอนแก่น และก็หลบหนีมาได้ จึงกำชับให้ตำรวจใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากขณะนี้กลุ่มค้ายาบ้ามีอาวุธที่จะต่อสู้กับเจ้าหน้าที่”
ต่อมา พล.ต.ท.กวี เดินทางเข้าไปดูอาการของ ร.ต.ต.ประยงค์ ที่โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ ซึ่งขณะนี้อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว โดยแพทย์ผ่าเอาหัวกระสุนและผ่าตัดช่องท้องเป็นผลสำเร็จ อีกทั้งยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งสัญญาบัตรและประทวน เดินทางไปบริจาคโลหิตให้กับทางโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ จำนวนมาก สำหรับการช่วยเหลือนั้น ตำรวจภูธรภาค 4 ได้เตรียมมอบเงินให้กับครอบครัว ส่วนทางจังหวัด นายสุวิทย์ สุบงกฎ ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้มอบเงินสด 2 หมื่นบาท ให้กับครอบครัวไปก่อนหน้าแล้ว