ศูนย์ข่าวขอนแก่น-ตำรวจภาค 4 แถลงกวาดล้างอาชญากรรม และยาเสพติด ได้ผู้ต้องหารวมกว่า 15 คน ยาบ้ากว่า 6,000 เม็ด พร้อมยึดทรัพย์ผู้ต้องหามูลค่ารวมกว่า 2 ล้านบาท เผยรูปแบบการค้ายาบ้าเริ่มเปลี่ยน ใช้วิธีขโมยจักรยานยนต์ 1 คัน ไปแลกยาบ้ามูลค่า 3 หมื่นบาท ก่อนนำรถ จยย.ไปขายต่อที่ สปป.ลาว
วันนี้ (21 ม.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ ที่ปรึกษา (สบ 10) พล.ต.ท.กวี สุภานันท์ ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.ศักดา เตชะเกรียงไกร รอง ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.จตุพล ปานรักษา รอง ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ ภราดรศักดิ์ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น พ.ต.อ.พยุงศักดิ์ นามวรรณ ผกก.ปพ.บก.สส.ภ.4 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเฉพาะกิจ ภ.4 และชุดสืบสวน สภ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์ สภ.เมืองขอนแก่น สภ.บ้านไผ่ ร่วมกันแถลงข่าวผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรม และยาเสพติด
ผู้ต้องหา ประกอบด้วย 1.นายชม นระทัต อายุ 47 ปี อยู่เลขที่ 321 ม.7 ต.นาทัน อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์ 2.นายสุทธิ จำปาลา อายุ 55 ปี อยู่เลขที่ 13 ม.7 ต.นาทัน อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์ 3.นายบุญมี ศิริโม อายุ 33 ปี อยู่เลขที่ 133 ม7 ต.นาทัน อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์ 4.นายเหน่า ชัยฤาชา อายุ 56 ปี อยู่เลขที่ 31 ม.2 ต.นาทรายทอง อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ 5.นายพิทักษ์ นวนนุกุล อายุ 40 ปี อยู่เลขที่ 6 ม.4 ต.ดงมูล อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ 6.นางยุไกร ชอินทร์วงค์ อายุ 37 ปี อยู่เลขที่ 58 ม.8 ต.ดงมูล อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์
7.นายสายยนต์ ชอินทร์วงค์ อายุ 39 ปี 8.นายเฉลียว โพธิ์ศรี อายุ 51 ปี ทั้งหมดเป็นชาว จ.กาฬสินธุ์ 9.นายจองชัย กล่อมผา อายุ 20 ปี ชาว จ.มหาสารคาม 10.นายลุน ต้นกันยา อายุ 78 ปี ชาว จ.ขอนแก่น 11.นายลิขสิทธิ์ เที่ยงที อายุ 18 ปี ชาว จ.มหาสารคาม 12.นายมงคล นาตสูง อายุ 42 ปี ชาว อ.เมืองขอนแก่น 13.นายประคอง เอกตาแสง อายุ 40 ปี ชาว จ.หนองคาย 14.ท้าวสุรศักดิ์ ชัยยง อายุ 40 ปี ชาวลาว และ 15.นางเรณุกา ธรรมษา อายุ 43 ปี ภรรยาของนายสุรศักดิ์ ชาว จ.ขอนแก่น
พร้อมของกลางยาบ้า 5,570 เม็ด ต้นกัญชา จำนวน 18 ต้น เงินสดจำนวนหนึ่ง รถจักรยานยนต์ 12 คัน รถยนต์เก๋งฮอนด้า แอคคอร์ด สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน รถปิกอัพยี่ห้อนิสสัน สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน รถยนต์ปิกอัพยี่ห้อโตโยต้า พราโด้ สีแดง-เทา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน รถปิกอัพโตโยต้าไฮลักซ์ สีดำ หมายเลขทะเบียน ผค 7554 ขอนแก่น รถยนต์ปิกอัพนิสสัน หมายเลขทะเบียน บน 6772 กาฬสินธุ์ รถยนต์บรรทุกสิบล้อยี่ห้อฮีโน่ หมายเลขทะเบียน 81-4990 กาฬสินธุ์
นอกจากนี้ มีอาวุธปืนแก๊ป 3 กระบอก พานท้ายปืนแก๊ปชำรุด 2 อัน ไม้ใช้สำหรับทำพานท้ายปืนแก๊ป 6 อัน คีมเหล็กด้ามยาว 3 อัน สว่านมือหมุนเล็ก จำนวน 1 อัน สว่านมือหมุนใหญ่ จำนวน 1 อัน ท่อเหล็กใช้ทำลำกล้องปืน จำนวน 6 อัน ค้อนตีเหล็ก 2 อัน ตะไบเหล็กใหญ่ จำนวน 5 อัน ตะไบเหล็ก จำนวน 1 อัน ตะไบไม้ใหญ่ จำนวน 2 อัน รวมทรัพย์สินที่ยึดได้จากผู้ต้องหาทั้งหมดประมาณ 2 ล้านบาท
พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ ที่ปรึกษา (สบ 10) กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 ได้จับกุมนายชม นระทัต ในเขตพื้นที่บ้านดงสวน ต.นาทัน อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์ พร้อมของกลางยาบ้า 4,900 เม็ด จากนั้นนำขยายผลจับกุมนายสุทธิ นายบุญมี พร้อมของกลางยาบ้าอีกจำนวนหนึ่ง และต้นกัญชา 18 ต้น พร้อมกับยึดทรัพย์สินตามที่กฎหมายกำหนด
พฤติกรรมของแก๊งยาบ้ารายนี้จะนำยาบ้าออกมาจำหน่ายให้แก่เด็ก เยาวชน และประชาชนบริเวณหมู่บ้านต่างๆ ใน จ.กาฬสินธุ์ และ จ.ขอนแก่น เส้นละ 10 เม็ด ราคา 1,500 บาท และขายเป็นถุงละ 22,000 บาท บางรายนำยาบ้ามาให้ โดยขอแลกเปลี่ยนกับรถมอเตอร์ไซค์ เพื่อนำส่งขายไปตามชนบท และประเทศเพื่อนบ้านในราคาถูก
นอกจากนี้ กองกำกับการตำรวจภูธร จ.ขอนแก่น ได้จับกุมท้าวสุรศักดิ์ ชัยยง ชาว สปป.ลาว พร้อมนางเรณุกา ธรรมษา ภรรยาคนไทย ยึดยาบ้า 770 เม็ด พร้อมผู้ร่วมแก๊งที่เป็นคนลาว 5 คน และคนไทย 1 คน และรถจักรยานยนต์ที่ขโมยมา จำนวน 12 คัน เพื่อส่งขายที่ สปป.ลาวในราคา 3-5 หมื่นบาท โดยผู้ต้องหาคนลาวใช้ยาบ้าเป็นค่าจ้างให้แก่คนไทย และค่าจ้าง 500 บาท ให้แก่คนลาวไปขโมยรถ จยย.ตามเขตชุมชนใน จ.กาฬสินธุ์และ จ.ขอนแก่น
พล.ต.อ.วุฒิ กล่าวอีกว่า รูปแบบการลักลอบค้ายาเสพติดเปลี่ยนแปลงไปมาก คือ มีการแลกเปลี่ยนยาเสพติดกับมอเตอร์ไซค์ โดยขายเฉลี่ยยาบ้า 30,000 บาท ต่อรถ จยย. 1 คัน นำไปขายในประเทศลาว 3 หมื่นบาทขึ้นไป สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อจับขบวนการผู้ค้ายาบ้าได้แล้ว จะต้องมีมาตรการตรวจสอบทรัพย์สิน และยึดทรัพย์ตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ ปี 2555 ที่ผ่านมา ตำรวจภาค 4 สามารถยึดทรัพย์สินได้ 160 ล้านบาท และผู้ต้องหาที่ตกอยู่ในราชทัณฑ์ทั้งหมดของภาค 4 ประมาณ 2 หมื่นคน ซึ่งเป็นคดียาเสพติด 60 กว่าเปอร์เซ็นต์ ขณะนี้ การค้าชายแดนพื้นที่ภาคอีสานตอนบนมีปัญหาเรื่องยาเสพติดมากถึง 70% และจะมีชาวลาวร่วมด้วยประมาณ 10%
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องปราบอย่างเข้มข้น และยึดทรัพย์สินผู้เกี่ยวข้องกับยาบ้าอย่างจริงจัง และติดตามหาตัวผู้ต้องหาที่หนีหมายจับกุมในคดียาเสพติดให้ได้โดยเร็วอีกด้วย