ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - โคราชเร่งแจกน้ำช่วยราษฎรประสบภัยแล้งหนัก ล่าสุดประกาศพื้นที่ภัยพิบัติแล้งแล้ว 27 อำเภอ 209 ตำบล เดือดร้อนกว่า 1.2 แสนครัวเรือน พื้นที่เกษตรสูญ 8.6 แสนไร่ ผู้ว่าฯ สั่งทุกอำเภอห้ามปล่อยให้ ปชช.ขาดน้ำอุปโภคบริโภคเด็ดขาด มั่นใจบริหารจัดการน้ำในเขื่อนใหญ่ที่เหลือรวมแค่ 50% ผ่านวิกฤตแล้งไปได้ พร้อมให้งดทำนาปรังเด็ดขาด
วันนี้ (17 ม.ค.) ที่โรงเรียนบ้านกระโดน ม.8 ต.หนองไข่น้ำ อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและแจกจ่ายน้ำเพื่อการบริโภคอุปโภคแก่ราษฎรผู้ประสบภัยแล้ง ซึ่งบ้านกระโดนประสบปัญหาแหล่งน้ำดิบผลิตประปาของหมู่บ้านแห้งขอดมานานกว่า 3 เดือนแล้ว ส่งผลให้ราษฎรกว่า 300 ครอบครัวขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก
โดยมีรถบรรทุกน้ำจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จังหวัดนครราชสีมา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมกว่า 15 คัน นำน้ำเข้าไปแจกจ่ายและเติมน้ำในแท็งก์น้ำกลางของโรงเรียนบ้านกระโดน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ราษฎร และจะมีรถบรรทุกน้ำเข้ามาเติบน้ำให้อย่างต่อเนื่องจนกว่าจะผ่านพ้นวิกฤตแล้ง
ชาวบ้านที่มารับแจกจ่ายน้ำต่างบอกว่า เป็นปีแรกที่แหล่งน้ำผลิตประปาของหมู่บ้านแห้งขอดอย่างรวดเร็ว เนื่องจากฝนทิ้งช่วงมายาวนานและสภาพอากาศที่ร้อนจัด ซึ่งขณะนี้ชาวบ้านเดือดร้อนกันเป็นอย่างมากต้องรอความช่วยเหลือจากส่วนราชการที่นำรถน้ำมาแจกจ่ายให้เท่านั้น และพยายามหาซื้อภาชนะบรรจุน้ำมาไว้ให้มากเพื่อรองน้ำไว้ดื่มให้ได้นานหลายวัน
นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าฯ นครราชสีมา เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางจังหวัดนครราชสีมาได้ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินจากภัยแล้งแล้ว 27 อำเภอ 209 ตำบล 2,172 หมู่บ้าน ราษฎรประสบภัย 126,497 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 863,433 ไร่ และภัยแล้งยังขยายวงกว้างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ได้ให้แนวทางแก่ทุกอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการช่วยเหลือประชาชนแล้ว โดยเน้นไปที่การช่วยเหลือน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคจะขาดแคลนไม่ได้ พร้อมให้จัดรถบรรทุกน้ำออกมาแจกจ่ายน้ำแก่พี่น้องประชาชนให้เพียงพอในทุกพื้นที่
ส่วนสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ของจังหวัดทั้ง 5 แห่ง ประกอบด้วย เขื่อนลำตะคอง อ.สีคิ้ว, เขื่อนลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย, เขื่อนลำมูลบน อ.ครบุรี, เขื่อนลำแชะ และเขื่อนลำปลายมาศ อ.เสิงสาง ขณะนี้มีน้ำเหลืออยู่รวมประมาณ 50% ซึ่งยังเพียงพอต่อการใช้น้ำของพี่น้องประชาชน ส่วนการทำนาปรังปีนี้จะลดลงเหลือแค่ 25% ของปีที่แล้ว หรือประมาณ 2-3 หมื่นไร่
ทั้งนี้ ต้องขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนให้ช่วยกันประหยัดน้ำที่ใช้เพื่อการเกษตร และให้งดทำนาปรังอย่างเด็ดขาดเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้สำหรับการอุปโภคบริโภค และยืนยันว่าทางจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะบริหารจัดการน้ำที่มีอยู่ให้เพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภค สามารถผ่านพ้นวิกฤตแล้งปีนี้ไปได้อย่างแน่นอน
นายวินัยกล่าวอีกว่า งบประมาณในการช่วยเหลือประชาชนนั้น ในอำนาจของนายอำเภอสามารถเบิกจ่ายเงินได้ไม่เกิน 5 แสนบาท และมีหลายอำเภอได้ร้องขอใช้งบประมาณจากทางจังหวัด ซึ่งผู้ว่าฯ มีอำนาจเบิกจ่ายในวงเงิน 50 ล้านบาท ขณะนี้ได้อนุมัติเงินจำนวนดังกล่าวแก่อำเภอที่ร้องขอไปแล้ว เหลืออยู่อีกประมาณ 5 ล้านบาทเท่านั้น และหากเกินอำนาจของผู้ว่าฯ ทางจังหวัดจะเสนอของบประมาณไปยังกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ต่อไป
“ส่วนการแก้ไขปัญหาระยะยาว ได้ให้ทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมกับทางอำเภอสำรวจพื้นที่เพื่อหาแหล่งเก็บกักน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง เช่น การขุดบ่อน้ำ ขุดลอกคูคลองต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาในระยะยาวต่อไป” นายวินัยกล่าว
คลิกเพื่อชมคลิป
