ประจวบคีรีขันธ์ - ป.ป.ส.ภาค7 จู่โจมค้นเรือนจำประจวบคีรีขันธ์ ตั้งแต่เช้ามึด พบเพียงนักโทษฉี่ม่วง 10 ราย ด้านรองผู้ว่าฯ เผยต้องตรวจเข้มเรือนจำเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาบานปลายกลายเป็นเหตุเศร้าสลดใจ คล้ายเหตุก่อจลาจลของผู้ต้องขังในเรือนจำเขาบิน ราชบุรี
วันนี้ (15 ม.ค.) นายสุทธิพงศ์ เทิดรัตนพงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธเนษฐ สุนทรสุข ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายสุชิน ชิดชอบ ผบ.เรือนจำประจวบฯ นำกำลังเจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ภาค 7 พร้อมฝ่ายปกครอง ตำรวจภูธร ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 14 ค่ายพระมงกุฎ และสาธารณสุขจังหวัด กว่า 300 นาย ตลอดจนสุนัขตำรวจอีก 2 ตัว เข้าตรวจค้นยาเสพติดและสิ่งของต้องห้ามภายในเรือนจำ จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยเจ้าหน้าที่ได้บุกเข้าตรวจค้นตั้งแต่ช่วงเช้ามึด โดยรื้อค้นตามอาคาร ตู้ เตียงนอน ล็อกเกอร์เก็บของ ใต้หลังคาอาคาร กระถางต้นไม้ หรือแม้แต่ใต้ดิน ที่อาจจะมีการขุดหลุมฝังสิ่งของได้ ที่คาดว่านักโทษจะมีการซุกซ่อนสิ่งผิดกฎหมายไว้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เวลานานหลายชั่วโมงในการตรวจค้นอย่างละเอียด แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย หรือสิ่งของต้องห้ามใดๆ จากนั้น ได้สุ่มนำผู้ต้องขังชาย 128 คน และหญิง 43 คน มาตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด ปรากฏว่า พบฉี่ม่วงใน ผู้ต้องขังชาย 9 คน และผู้ต้องขังหญิงอีก 1 คน
นายสุทธิพงศ์ เทิดรัตนพงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า การจู่โจมเข้าค้นเรือนจำประจวบคีรีขันธ์ในครั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันการกระทำความผิดของผู้ต้องขังที่เคยก่อเหตุเกี่ยวกับยาเสพติด แม้ถูกคุมขังแล้วก็ยังอาจใช้ช่องว่างก่อเหตุซ้ำอีกด้วยการสั่งซื้อขายยาจากภายในเรือนจำ
นอกจากนี้ ยังต้องป้องกันไม่ให้ผู้คุมกระทำความผิดเสียเอง ตลอดจนใช้มาตรการในการตรวจสอบตามแนวรั้วเรือนจำ ป้องกันไม่ให้มีการโยนสิ่งของต้องห้าม อย่างเครื่องมือสื่อสารเข้ามาในเรือนจำได้ ซึ่งมาตรการทั้งหมดนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาบานปลายกลายเป็นเหตุเศร้าสลดใจ คล้ายเหตุก่อจลาจลของผู้ต้องขังในเรือนจำเขาบิน จ.ราชบุรี
อย่างไรก็ตาม การตรวจพบสารเสพติดในปัสสาวะของผู้ต้องขังทั้ง 10 รายนี้ จะต้องนำไปสู่กระบวนการในการขยายผลว่า มีการลักลอบนำยาเสพติดเข้าไปในเรือนจำหรือไม่ ถ้ามีจริงยาเสพติดทั้งหมดอยู่ที่ใด และหลุดรอดเข้าไปในเรือนใจได้ด้วยวิธีการใดกันแน่ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้ดำเนินการในตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป
วันนี้ (15 ม.ค.) นายสุทธิพงศ์ เทิดรัตนพงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธเนษฐ สุนทรสุข ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายสุชิน ชิดชอบ ผบ.เรือนจำประจวบฯ นำกำลังเจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ภาค 7 พร้อมฝ่ายปกครอง ตำรวจภูธร ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 14 ค่ายพระมงกุฎ และสาธารณสุขจังหวัด กว่า 300 นาย ตลอดจนสุนัขตำรวจอีก 2 ตัว เข้าตรวจค้นยาเสพติดและสิ่งของต้องห้ามภายในเรือนจำ จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยเจ้าหน้าที่ได้บุกเข้าตรวจค้นตั้งแต่ช่วงเช้ามึด โดยรื้อค้นตามอาคาร ตู้ เตียงนอน ล็อกเกอร์เก็บของ ใต้หลังคาอาคาร กระถางต้นไม้ หรือแม้แต่ใต้ดิน ที่อาจจะมีการขุดหลุมฝังสิ่งของได้ ที่คาดว่านักโทษจะมีการซุกซ่อนสิ่งผิดกฎหมายไว้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เวลานานหลายชั่วโมงในการตรวจค้นอย่างละเอียด แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย หรือสิ่งของต้องห้ามใดๆ จากนั้น ได้สุ่มนำผู้ต้องขังชาย 128 คน และหญิง 43 คน มาตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด ปรากฏว่า พบฉี่ม่วงใน ผู้ต้องขังชาย 9 คน และผู้ต้องขังหญิงอีก 1 คน
นายสุทธิพงศ์ เทิดรัตนพงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า การจู่โจมเข้าค้นเรือนจำประจวบคีรีขันธ์ในครั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันการกระทำความผิดของผู้ต้องขังที่เคยก่อเหตุเกี่ยวกับยาเสพติด แม้ถูกคุมขังแล้วก็ยังอาจใช้ช่องว่างก่อเหตุซ้ำอีกด้วยการสั่งซื้อขายยาจากภายในเรือนจำ
นอกจากนี้ ยังต้องป้องกันไม่ให้ผู้คุมกระทำความผิดเสียเอง ตลอดจนใช้มาตรการในการตรวจสอบตามแนวรั้วเรือนจำ ป้องกันไม่ให้มีการโยนสิ่งของต้องห้าม อย่างเครื่องมือสื่อสารเข้ามาในเรือนจำได้ ซึ่งมาตรการทั้งหมดนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาบานปลายกลายเป็นเหตุเศร้าสลดใจ คล้ายเหตุก่อจลาจลของผู้ต้องขังในเรือนจำเขาบิน จ.ราชบุรี
อย่างไรก็ตาม การตรวจพบสารเสพติดในปัสสาวะของผู้ต้องขังทั้ง 10 รายนี้ จะต้องนำไปสู่กระบวนการในการขยายผลว่า มีการลักลอบนำยาเสพติดเข้าไปในเรือนจำหรือไม่ ถ้ามีจริงยาเสพติดทั้งหมดอยู่ที่ใด และหลุดรอดเข้าไปในเรือนใจได้ด้วยวิธีการใดกันแน่ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้ดำเนินการในตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป
