ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผบ.ตร.ลงพื้นที่พัทยา ประชุมเข้มมาตรการรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยว หลังพบปัญหาเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมระดมกำลังปล่อยแถวกวาดล้าง หวังลบภาพความเสียหายในอดีต
วันนี้ (8 ม.ค.) ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา จ.ชลบุรี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาเป็นประธานการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย จังหวัดชลบุรี อำเภอบางละมุง เมืองพัทยา สำนักงานตำรวจภูธรภาค 2 รวมทั้งตัวแทนจากภาคเอกชน เพื่อร่วมหารือ และวางแนวทางในการรักษาความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว หลังจากที่ผ่านมาพบว่า ในพื้นที่เมืองพัทยา และใกล้เคียงมีปัญหา และคดีอาชญากรรม ประทุษร้ายเกี่ยวต่อนักท่องเที่ยวบ่อยครั้ง ซึ่งถือว่าอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวในอนาคต ทั้งนี้ มี นายอิทธิพล คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.ภาค 2 พล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี และผู้เกี่ยวข้องร่วมให้การต้อนรับ
พล.ต.ต.สัญชัย ไชยอำพร รอง ผบช.ภาค 2 บรรยายสรุปว่า สำหรับเมืองพัทยามีพื้นที่โดยรวม 191 ตร.กม. มีประชากรทั้งสิ้น 1 แสนกว่าคน ขณะที่มีประชากรแฝงกว่า 5 แสนคน ส่วนนักท่องเที่ยวนั้นมีปริมาณมากกว่า 4.9 ล้านคนในปีที่ผ่านมา ซึ่งในจำนวนนี้จำแนกเป็นนักท่องเที่ยวรัสเซียที่มีอัตราส่วนสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 2.6 ล้านคน หรือคิดเป็นอัตราส่วน 48% ขณะที่นักท่องเที่ยวจีน มาเป็นอันดับที่ 2 จำนวน 8 แสนคน หรือ 16% และเยอรมนี เป็นอันดับที่ 3 จำนวน 4 แสนคน หรือ 8%
ส่วนคดีอาชญากรรมที่เกิดขึ้นนั้นพบว่า มีคดีที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวโดยรวม 79 คดี ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคดีที่เกิดขึ้นในพื้นที่เมืองพัทยาเป็นหลัก 51 คดี บางละมุง 21 คดี ที่เหลือเป็นในส่วนของสัตหีบ นาจอมเทียน และห้วยใหญ่ ซึ่งผู้เสียหายส่วนใหญ่นั้นจะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวรัสเซียเป็นหลัก เนื่องจากมีจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาพักผ่อนในพื้นที่เมืองพัทยาสูงสุดเป็นอันดับที่ 1 อย่างไรก็ตาม คดีที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่นั้นเป็นคดีที่เกิดปัญหาในเรื่องของการประทุษร้ายต่อทรัพย์สินเป็นหลัก ได้แก่ การลักทรัพย์และชิงทรัพย์ ส่วนพื้นที่ที่เกิดเหตุมากที่สุดได้แก่ พื้นที่ชายหาดวงศ์อมาตย์ พบว่ามีสถิติสูงถึง 17% รองลงมาได้แก่ ชายหาดพัทยา เหนือ กลาง และแหลมบาลีฮาย
ด้าน พล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์ ผบ.ภ.จว.ชลบุรี กล่าวบรรยายสรุปเกี่ยวกับแผนการปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยว่าจะมีการระดมกำลังในการกวาดล้างอาชญากรรมในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวอย่างจริงจัง ในระหว่างวันที่ 7 มกราคม ถึงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ในระยะเวลา 30 วัน โดยจะมีการสนธิกำลังกันระหว่างสำนักงานตำรวจภูธรภาค 2 ส่วนราชการ และภาคเอกชน รวมแล้วกว่า 611 นาย ในการเฝ้าระวัง ป้องปราม และกดดันมิจฉาชีพหรือคนร้ายให้ออกจากพื้นที่อย่างเด็ดขาด โดยจะเน้นการแบ่งเขตเพื่อเฝ้าตรวจสอบ สืบสวนหาข่าว และติดตามขยายผลจับกุม
การดำเนินการในครั้งนี้จะเน้นไปในพื้นที่ท่องเที่ยวหลัก และแหล่งชุมชนที่เป็นเป้าหมาย รวมทั้งการปราบปรามอบายมุขทุกรูปแบบ ทั้งยาเสพติด การค้ามนุษย์ และอื่นๆ ซึ่งที่ผ่านมาพบว่า มีผลการปฏิบัติเป็นที่น่าพอใจ โดยพบว่าอาชญากรส่วนใหญ่นั้น 99% จะเป็นกลุ่มคนที่ติดยาเสพติด ซึ่งจะได้หาแนวทาง และยุทธวิธีการกวาดล้างต่อไป
พล.ต.ต.คัชชา กล่าวต่อไปว่า สำหรับคดีสำคัญที่เกิดขึ้นในช่วงปลายปีที่ผ่านมานั้น พบว่ามีคดีที่ได้รับความสนใจ และเกิดเหตุกับนักท่องเที่ยวหลายครั้ง ได้แก่ คดีสาวประเภทสองมอมยานักท่องเที่ยวก่อนลักทรัพย์สินเป็นรถยนต์ไป รวมถึง 3 คนร้ายที่ดักจี้และฉุด 2 นักท่องเที่ยวสาวชาวรัสเซียไปก่อเหตุในพื้นที่ ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ระดมกำลังในการออกติดตาม สืบสวน จนสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้พร้อมของกลาง ซึ่งสร้างความพอให้แก่ผู้เสียหายเป็นอย่างมาก
ในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ประจำสถานทูตรัสเซียประจำประเทศไทย เดินทางมามอบกระเช้าดอกไม้ พร้อมแสดงความขอบคุณแก่คณะนายตำรวจไทยในโอกาสที่สามารถปิดคดี 3 คนร้ายที่ก่อเหตุปล้นทรัพย์ และทำอนาจาร 2 นักท่องเที่ยวชาวรัสเซียได้ในเวลาอันรวดเร็ว
หลังจากที่มีการบรรยายสรุปเสร็จเรียบร้อย พล.ต.อ.อดุลย์ จะเป็นประธานในพิธีปล่อยแถวระดมกำลังกวาดล้างอาชญากรรมในช่วง 30 วัน บริเวณหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หน้าศาลาว่าการเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ซึ่งพบว่ามีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสำนักงานตำรวจภูธรภาค 2 กำลังอาสาสมัครฝ่ายพลเรือน เจ้าหน้าที่เทศกิจ เข้าร่วมในพิธีดังกล่าวจำนวนกว่า 500 นาย
จากนั้นจึงร่วมทำการแถลงข่าวการกวาดล้างในพื้นที่เมืองพัทยาในช่วงที่ผ่านมา โดยแยกเป็นส่วนของคดียาเสพติด จับกุมได้ 153 ราย ของกลางยาบ้า 7,226 เม็ด ยาไอซ์ 16.375 กรัม กัญชา 155 กรัม คดีอาวุธปืน 6 ราย อาวุธปืน 10 กระบอก คดีตามหมายค้างเก่า 3 ราย คดีที่รัฐเป็นผู้เสียหาย 10 ราย ผู้ต้องหา 22 คน รวมทั้งการแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาที่ก่อคดีฮั้วประมูล และพยายามฆ่านายก อบต.กบินทร์บุรี ได้ผู้ต้องหา 4 คน ประกอบด้วย นายนิวัฒน์ วงศ์วิจารณ์ ผู้ใหญ่บุญเลิศ เสริมศรี จ.ส.ต.สมใจ ศรีสุข และนายจำเริญ จำให้
พล.ต.อ.อดุลย์ เปิดเผยว่า จากนี้คงได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการกวดขันและป้องกันเหตุอาชญากรรมที่จะเกิดขึ้นพื้นที่ท่องเที่ยวอย่างเมืองพัทยาอย่างจริงจัง โดยตั้งเป้าหมายตลอดระยะเวลา 30 วันนี้จะต้องมีผลการปฏิบัติเพื่อลดปัญหาให้เป็น 0% เพื่อสร้างความอุ่นใจให้แก่ประชาชน และนักท่องเที่ยวในอนาคต