พระนครศรีอยุธยา - กระฉ่อนเน็ต นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสุภาพสตรีทำไม่เหมาะ หมิ่นชาวพุทธ นุ่งกางเกงขาสั้นถ่ายภาพกับพระพุทธรูปโดยนำศีรษะตนเองไปต่อกับตัวองค์พระพุทธรูปที่ไม่มีเศียร และต่อแขนที่ขาด
วันนี้ (4 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีการโพสต์ภาพ และแชร์ต่อกันในเฟชบุ๊กเป็นภาพนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสุภาพสตรีนุ่งกางเกงขาสั้น ถ่ายภาพกับพระพุทธรูป โดยนำศีษะของตนเองไปต่อกับตัวองค์พระพุทธรูปที่ไม่มีเศียร และต่อแขนที่ขาด ซึ่งเป็นภาพที่ไม่เหมาะสม และมีการวิพากษ์วิจารณ์กันต่างๆ นานาถึงความไม่เหมาะสม ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า พระพุทธรูปองค์ดังกล่าวอยู่ที่วัดพระศรีสรรเพชญ์ ภายในอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบปรากฏพบมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติจำนวนมากกำลังเข้าไปเที่ยวภายในอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ส่วนที่บริเวณปากทางเข้าภายในอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา พบว่า มีป้ายเขียนเตือนนักท่องเที่ยวเอาไว้ทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน ห้ามปีนป่ายเจดีย์ กำแพง พระปรางค์ รวมทั้งการถ่ายภาพต่อเศียรพระพุทธรูป
ส่วนพระพุทธรูปที่ปรากฏในภาพอยู่บริเวณด้านหลังเจดีย์องค์ที่ 3 มีนักท่องเที่ยวเข้าไปชม และร่วมถ่ายภาพกันจำนวนมาก แต่ไม่พบว่ามีนักท่องเที่ยวถ่ายภาพในลักษณะต่อเศียรแต่อย่างใด
ทั้งนี้ คาดว่าภาพของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติซึ่งเป้นสุภาพสตรีนุ่งกางเกงขาสั้นที่ถ่ายภาพกับพระพุทธรูป โดยนำศีษะของตนเองไปต่อกับตัวองค์พระพุทธรูปที่ไม่มีเศียร และต่อแขนที่ขาด ที่มีการโพสต์ภาพ และแชร์ต่อกันในเฟชบุ๊กนั้นน่าจะเป็นภาพที่ถ่ายไปแล้วก่อนหน้านี้
นายเฉลิมพันธ์ อ้นเอี่ยม อายุ 49 ปี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสำนักงานอุทยานประวัติศาสตร์ เปิดเผยว่า ช่วงปีใหม่มีนักท่องเที่ยวเข้าจำนวนมากได้ออกตรวจภายในวัดพระศรีสรรเพชญ์อยู่ตลอดเวลา ที่ผ่านมา พบเห็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติชอบไปถ่ายภาพแสดงท่าทางต่อเศียรพระพุทธรูป ตนเองก็ได้เข้าไปตักเตือน และให้ลบรูปออกทันที ซึ่งส่วนมากนักท่องเที่ยวจะมาเป็นกลุ่มส่วนตัว
“ทางกรมศิลปากร ได้มีป้ายประชาสัมพันธ์ติดตั้งไว้ให้นักท่องเที่ยวทราบทางประตูเข้า นอกจากนี้ ยังมีการประชาสัมพันธ์ไปยังบริษัททัวร์ต่างๆ จนเป็นที่รับรู้กันไปทั่วโลก และที่ผ่านมา เห็นไกด์ของบริษัททัวร์ได้บอกกับนักท่องเที่ยวอยู่ตลอดเวลา แต่มาระยะหลังไม่ค่อยพบ คงอาจจะมีหลงไปบ้าง เนื่องจากช่วงปีใหม่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก และบางจุดก็เป็นมุมอับ ทำให้เจ้าหน้าที่ดูไม่ทั่วถึง จึงทำให้มีภาพหลุดออกไปอยู่ในอินเทอร์เน็ตดังกล่าว” นายเฉลิมพันธ์กล่าว
