xs
xsm
sm
md
lg

รถกู้ชีพบุรีรัมย์หักหลบรถอ้อยพุ่งชนต้นไม้ดับ 2 ศพ เจ็บ 3

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เกิดเหตุรถกู้ชีพฉุกเฉิน อบต.ท่าม่วง จ.บุรีรัมย์ หักหลบรถบรรทุกอ้อยเสียหลักพุ่งอัดก๊อบปี้ต้นไม้ข้างทาง  เป็นเหตุยายป่วยหนักพร้อมลูกชายเสียชีวิต  2 ราย บาดเจ็บ 3 ราย
บุรีรัมย์ - เกิดเหตุสลดรถกู้ชีพฉุกเฉิน อบต.ท่าม่วง จ.บุรีรัมย์ รับยายวัย 66 ปี ป่วยหนักออกจาก รพ.ศูนย์บุรีรัมย์ ส่งกลับไปสิ้นลมที่บ้านเกิด ระหว่างทางหักหลบรถบรรทุกอ้อยเสียหลักพุ่งอัดก๊อบปี้ต้นไม้ข้างทาง เป็นเหตุให้ยายพร้อมลูกชายดับคาที่ 2 ศพ ส่วนญาติ และหลานที่นั่งมาด้วยเจ็บอีก 3 ราย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคืนนี้ (3 ม.ค.) เวลาประมาณ 22.00 น. ร.ต.ต.ปรีชา สาตยะปรีชา ร้อยเวรฯ สภ.บ้านด่าน อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถยนต์พุ่งชนข้างทาง มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บหลายราย จึงรีบรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างจรรยาธรรม

ในที่เกิดเหตุ เป็นถนนสายบุรีรัมย์-สตึก บริเวณหน้าหมวดการทางบ้านด่าน กม.ที่ 25 บ.โนนสวรรค์ ต.บ้านด่าน อ.บ้านด่าน พบรถยี่ห้อฟอร์ด สีขาวหมายเลขทะเบียน นข 3584 บุรีรัมย์ ซึ่งมีการดัดแปลงเป็นรถอีเอ็มเอส หรือรถกู้ชีพฉุกเฉิน ของ อบต.ท่าม่วง อ.สตึก สภาพพลิกคว่ำอัดก๊อบปี้ติดกับต้นไม้ข้างทาง ตรวจสอบภายในรถพบผู้เสียชีวิต 2 ราย ทราบชื่อภายหลัง คือ นางจวง ทัพไทยดี อายุ 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 64/2 ม.7 ต.ท่าม่วง อ.สตึก และนายนนท์ ทัพไทยดี อายุ 30 ปี บุตรชาย

พบผู้บาดเจ็บอีกจำนวน 3 ราย คือ นายจันทา ทองจันทร์ อายุ 40 ปี นางอ้อย มุ่งดี อายุ 35 ปี และนายอดิศรี มุ่งดี ลูกชาย อายุ 18 ปี เจ้าหน้าที่จึงได้ช่วยกันลำเลียงส่งโรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ เพื่อให้แพทย์ช่วยชีวิตอย่างเร่งด่วน

จากการสอบถาม นายสวาท ระหังวา อายุ 36 ปี คนขับรถกู้ชีพคันดังกล่าวบอกว่า ได้รับแจ้งให้ไปรับ นางจวง ทัพไทยดี ผู้ป่วยหนักจากโรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ไปส่งที่ ต.ท่าม่วง อ.สตึก โดยมีลูกชาย และญาตินั่งมาด้วย จำนวน 5 คน แต่พอขับมาถึงที่เกิดเหตุขณะกำลังจะขับแซงรถคันหน้า ได้มีรถบรรทุกอ้อยไม่มีไฟท้ายได้หักเลี้ยวรถจะเข้าซอยระยะกระชั้นชิด จึงได้หักหลบอย่างกะทันหันจนรถเสียหลักพุ่งตกข้างทางอัดก๊อบปี้ติดกับต้นไม้ จนเป็นเหตุให้นายจวง และลูกชายเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ ส่วนญาติที่นั่งมาด้วยก็ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบปากคำผู้ที่นั่งมาในรถ และผู้เห็นเหตุการณ์เพื่อหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง



กำลังโหลดความคิดเห็น