พิษณุโลก - บสย.เผยปี 56 นักธุรกิจต้องปรับตัว ดอกเบี้ยขึ้นแบบไม่มีนัยสำคัญ ด้านนักธุรกิจเหนือล่างฝากความหวังไว้ที่ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” เร่งปั้นรถไฟความเร็วสูง กทม.-พิษณุโลก ควบคู่พัฒนาด่านภูดู่ ใน ครม.สัญจร 20-22 ม.ค.นี้
วันนี้ (3 ม.ค.) นายคมสัน วัฒนวนาพงษ์ ผู้จัดการบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) สำนักงานสาขาพิษณุโลก เปิดเผยถึงภาวะเศรษฐกิจในปี 2556 ว่า เศรษฐกิจไปได้ แต่ไม่ร้อนแรง ทิศทางดอกเบี้ยปรับตัวขึ้นแบบไม่มีนัยสำคัญเพียง 0.25% เท่านั้น หรือสูงสุดไม่เกิน 0.50% เพราะรัฐบาลต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ และการส่งออก หากขึ้นดอกเบี้ยแรงจะส่งผลกระทบการส่งออก ดังนั้นทิศทางปี 2556 หรือรวมถึงปี 2557 นักธุรกิจอยู่ในช่วงการปรับตัวเพื่อรองรับการเปิดประตูอาเซียนในปี 2558
“วันนี้คนไทยจะต้องปรับตัวรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี หากไม่ปรับรับรองว่าบางธุรกิจอาจไม่รอด เพราะสินค้าทุกอย่างอัตราภาษีเป็น 0 จะถล่มเข้ามาเมืองไทย อย่างปัจจุบันมีกำแพงภาษี สินค้าจีนก็ทะลักเข้าไทยเต็มไปหมด ระยะ 2-3 ปีข้างหน้าจะเห็นนักธุรกิจที่รวยทันตาเห็น หรือเจ๊งไปเลยก็ได้ ทางเดียวคืออุตสาหกรรมขนาดกลางและย่อมหรือเอสเอ็มอี ต้องปรับตัว สร้างเครือข่าย เกาะกลุ่มธุรกิจในคลัสเตอร์เดียวกัน”
นายคมสันกล่าวว่า ที่ผ่านมา บสย.ลงนามความร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้าไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อเพิ่มโอกาสให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุนมากขึ้น และในปี 2556 บสย.ก็พร้อมสนับสนุนค้ำประกันสินเชื่อต่างๆ อาทิ รัฐบาลเตรียมเปิดตัว “กองทุนตั้งตัวได้” หนุนเถ้าแก่ใหม่ที่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์แต่ขาดทุนทรัพย์ สามารถเสนอโครงการผ่านสถาบันการเงินโดยมี บสย.ค้ำประกันสินเชื่อ สำหรับ จ.พิษณุโลกนั้น พบว่าธุรกิจส่วนใหญ่เป็นภาคบริการ ไม่ใช่ภาคการผลิตเหมือนกับ จ.นครสวรรค์
“การประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่อุตรดิตถ์ วันที่ 20-22 มกราคมนี้ นักธุรกิจพิษณุโลกและภาคเหนือตอนล่างต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น จึงฝากความหวังไว้ที่รถไฟความเร็วสูงจากกรุงเทพฯ-พิษณุโลก และขอให้พัฒนาการค้าชายแดนที่ด่านภูดู่ อ.บ้านโคก จ.อุตรดิตถ์ เนื่องจาก 2 กรณีนี้จะทำให้เศรษฐกิจในภาคเหนือตอนล่างกระเตื้องขึ้นทันตาเห็น”