พิษณุโลก - ตำรวจทางหลวงตั้งกล้องตรวจจับความเร็วรถขึ้นเหนือช่วงปีใหม่นับสิบจุด แจกใบสั่งตรงถึงบ้านแทนเพื่อลดปัญหาจราจร ขณะที่รองอธิบดีกรมการขนส่งตรวจรถทัวร์วิ่งครบ 400 กิโลเมตรต้องแวะพักครึ่งทาง
วันนี้ (28 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.พิษณุโลกว่า ปริมาณรถยนต์ที่เดินทางจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าภาคเหนือตอนบนเริ่มหนาแน่นมากขึ้น ขณะที่ตำรวจทางหลวง 3 กก.5 บก.ทล. (พิษณุโลก)ได้ออกตรวจบนเส้นทางหมายเลข 11 ประตูสู่ภาคเหนือ พร้อมติดป้ายเตือนตามหมู่บ้านตลอดแนว 40 ชุมชน พร้อมตักเตือนผู้ที่ใช้รถห้ามขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด คือ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เนื่องจากพบว่าอุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดจากขับรถเร็ว เมาสุรา และง่วงนอน และล่าสุดตำรวจทางหลวงพิษณุโลกได้ติดตั้งกล้องตรวจจับความเร็วบนถนนหลวงในเขตรับผิดชอบ 5-6 ตัว จะบันทึกผู้ที่ขับขี่ยานพาหนะเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด เช่นเดียวกับตำรวจทางหลวงนครสวรรค์ 4 กก.1 บก.ทล. (นครสวรรค์) มีกล้องตรวจจับความเร็ว 5-6 ตัวเช่นกัน โดยจะไม่เน้นให้ตำรวจซุ่มตรวจและจับปรับเหมือนแต่ก่อนเพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัด แต่จะใช้วิธีส่งข้อมูลการกระทำความผิดขับรถเร็วไปที่บ้านตามทะเบียนขนส่งรถยนต์เพื่อเปรียบเทียบปรับแทน
ทั้งนี้ เมื่อเย็นวันที่ 27 ธันวาคม นายอัฌษไธค์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก และนายไพบูลย์ แพรศรีเจริญ ขนส่งจังหวัดพิษณุโลก ได้ตรวจความพร้อมของรถสาธารณะประจำทาง โดยให้พนักงานขับรถลงจากรถมารายงานตัวต่อผู้ตรวจการขนส่ง ณ จุดตรวจ เพื่อตรวจใบอนุญาตและความพร้อมร่างกาย ตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ ซึ่งส่วนในภาคเหนือ ถนนหลวงหมายเลข 11 ขาขึ้นกำหนดจุดตรวจที่ร้านอาหารสี่ทิศ และขาล่องที่ร้านอินโดจีนก๊าซ ตอนเหนือสี่แยกอินโดจีน 2-3 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าเป็นจุดแวะพักรถโดยสาร หลังขับครบระยะ 400 กิโลเมตร หรือ ประมาณ 4 ชั่วโมง
นายอัฌษไธค์กล่าวว่า พนักงานขับรถจะต้องแวะพักทุก 400 กิโลเมตร หรือประมาณ 4 ชั่วโมง ซึ่งเป็นระเบียบที่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขใบอนุญาต เพื่อให้คนขับได้ผ่อนคลายความเมื่อยล้า และป้องกันการหลับใน หากเพิกเฉยต้องลงโทษปรับตามกฎหมาย