นครพนม - ประธานสภาเกษตรนครพนมโวย เครื่องวัดคุณภาพข้าวโครงการรับจำนำไม่ได้มาตรฐาน ชาวนาเดือดร้อนหนัก ถูกกดราคาจากปกติเกณฑ์รับตันละ 2 หมื่น ได้เงินจริง 1.5-1.6 หมื่นบาท จวกยับโกงกินเป็นขบวนการหวังส่วนต่างจากราคารับจำนำ ประกาศรวบรวมหลักฐานเอกสารยื่นสภาเกษตรกรแห่งชาติ
วันนี้ (18 ธ.ค.) ที่ อ.บ้านแพง จ.นครพนม นายภักดีสยาม พรหมอินทร์ ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดนครพนม พร้อมสมาชิก และตัวแทนเกษตรกร นำสื่อมวลชนเข้าตรวจสอบปัญหาโครงการรับจำนำข้าวภายในจุดรับจำนำสหกรณ์การเกษตรอำเภอบ้านแพง ภายหลังได้รับการร้องเรียนจากเกษตรกรเกี่ยวกับเครื่องมือวัดคุณภาพข้าวไม่ได้มาตรฐาน ส่งผลให้เกษตรกรถูกกดราคา จากตันละ 20,000 บาท เหลือ 15,000-16,000 บาท และยังเป็นช่องว่างให้บริษัทเอกชนที่เข้าร่วมโครงการเปิดจุดรับจำนำ ถือโอกาสทำกำไรจากส่วนต่าง โดยเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงรัฐบาลเข้ามาตรวจสอบดูแลมาตรฐานการตรวจวัดคุณภาพข้าว โดยให้รัฐบาลจัดหาเครื่องวัดคุณภาพข้าวที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศมาใช้ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของเกษตรกร
สำหรับ จ.นครพนม ปัจจุบันมียอดจำนำข้าวแยกเป็นข้าวหอมมะลิ 34,912 ตัน เกษตรกร 9,690 ราย ข้าวเหนียว 1,421 ตัน เกษตรกร 563 ราย มีจุดรับจำนำ 15 จุด เพียงพอต่อการรับจำนำ
นายภักดีสยามกล่าวว่า ในฐานะเป็นตัวแทนนครพนม มีหน้าที่ในการรักษาสิทธิประโยชน์ของเกษตรกร ได้เข้าตรวจสอบปัญหาการวัดคุณภาพข้าว เนื่องจากเกษตรกรได้รับความเดือดร้อนจากปัญหากดราคารับจำนำข้าว เพราะเครื่องตรวจวัดคุณภาพไม่ได้มาตรฐาน ทำให้เกษตรกรได้ค่าข้าวเพียงตันละ 15,000-16,000 บาท โดยถูกหักเปอร์เซ็นต์ประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ต่อเงิน 200 บาท ทำให้ส่วนต่างเหล่านี้กลายเป็นช่องว่างให้โรงสีหาประโยชน์จากโครงการได้
“ผมไม่ต้องการเอาผิดใคร แต่อยากให้มีการปรับปรุง และวิงวอนให้รัฐบาลลงมาแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพราะเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล โดยจากการตรวจสอบพบว่า อุปกรณ์ที่รัฐบาลกำหนดในการวัดคุณภาพมีเพียงเครื่องวัดความชื้น เครื่องขัดขาว และเครื่องสีข้าวกล้อง แต่อุปกรณ์สำคัญ คือ เครื่องร่อนคัดเปอร์เซ็นต์ข้าวไม่ได้บังคับ ทำให้สถานที่รับจำนำบางจุดไม่มี อีกทั้งแต่ละแห่งมีมาตรฐานไม่เหมือนกัน ซึ่งผมจะรวบรวบหลักฐานยื่นต่อสภาเกษตรแห่งชาติให้เสนอรัฐบาลแก้ไขต่อไป”