ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ตำรวจดอยสะเก็ดตามรวบตัวฆาตกรฆ่าสาวใหญ่ตระกูล “อมาตยกุล” ได้แล้ว พบเป็นผัวเมียชาวเมียนมาร์ลูกจ้างของผู้ตาย สารภาพลงมือเพราะต้องการชิงทรัพย์ หลังก่อเหตุหนีไปเป็นลูกจ้างฟาร์มหมูที่ลำพูน แต่ไม่รอดตามตัวจนเจอ ด้านตำรวจเผยได้เบาะแสคนร้ายขับรถของผู้ตายไปชนที่สันทรายขณะหลบหนี ก่อนตามจับตัวมาดำเนินคดีสำเร็จ
วันนี้ (13 ธ.ค.) ที่สถานีตำรวจภูธรดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ พล.ต.ต.ชำนาญ รวดเร็ว รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 และคณะ ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาคดีฆ่าชิงทรัพย์นางชนกสุดา อมาตยกุล เจ้าของรีสอร์ต ในอำเภอดอยสะเก็ด หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจพบศพนางชนกสุดาถูกฆาตกรรมเสียชีวิตอยู่ภายในบ้านเลขที่ 131 หมู่ 5 บ้านปางแฟน ตำบลป่าเมี่ยง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อค่ำวานนี้ (12 ธ.ค.)
การแถลงข่าวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวนายชาย ต๊ะ อายุ 25 ปี และนางหลี หรือหอม ก๋วน อายุ 27 สัญชาติเมียนมาร์ ได้ที่ฟาร์มเลี้ยงสุกรแห่งหนึ่งในท้องที่หมู่ 5 ตำบลบ้านธิ อำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน ภายหลังจากที่นายชาย และนางหลี ซึ่งเป็นคนงานต่างด้าวที่ทำงานให้แก่นางชนกสุดาได้หายตัวไปจากบ้านพักหลังเกิดเหตุ
พล.ต.ต.ชำนาญเปิดเผยว่า ผู้ต้องหาทั้งสองเป็นคนงานที่ทำงานให้แก่นางชนกสุดาซึ่งพักอาศัยอยู่เพียงคนเดียวในบ้านหลังที่เกิดเหตุ แต่ต่อมา ได้ลงมือทำร้ายนางชนกสุดาด้วยการใช้สายเคเบิลทีวีรัดคอจนเสียชีวิต เพราะต้องการทรัพย์สินของผู้ตาย
จากนั้น จึงได้นำทรัพย์สินซึ่งประกอบด้วย เครื่องประดับ โทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง 2 เครื่อง คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ยี่ห้อเลอโนโว 1 เครื่อง เงินสดจำนวนประมาณ 3,000 บาท และรถยนต์โตโยต้า หมายเลขทะเบียน ผฉ 5954 เชียงใหม่หลบหนีไป ในระหว่างการหลบหนีได้นำคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของผู้ตายไปจำหน่าย
อย่างไรก็ตาม ขณะหลบหนีนายชายได้ขับรถคันดังกล่าวไปชนท้ายรถคันอื่นในท้องที่สถานีตำรวจภูธรสันทราย จึงได้ทิ้งรถแล้วหลบหนี โดยได้ติดต่อเพื่อนเพื่อขอไปทำงานเป็นลูกจ้างในฟาร์มหมูที่จังหวัดลำพูน ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุด
พล.ต.ต.ชำนาญ กล่าวว่า เบื้องต้นนายชายให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุฆาตกรรมนางชนกสุดาจริง พร้อมทั้งนำทรัพย์สินหลายรายการหลบหนี พร้อมกับพานางหลีซึ่งเป็นภรรยาไปด้วย
นายชายระบุว่า เป็นผู้ลงมือก่อเหตุเพียงคนเดียว โดยที่นางหลีไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด นอกจากนี้ ยังพบด้วยว่า ทั้งนายชาย และนางหลีเป็นแรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาทำงานอย่างผิดกฎหมาย โดยนายชายเข้ามาทำงานอยู่ในประเทศไทยประมาณ 2 ปี ส่วนนางหลีเดินทางเข้ามาทำงานได้ประมาณ 4 เดือน
ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้พบศพนางชนกสุดาถูกฆาตกรรมภายในบ้านพักเมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยจากการสอบสวนพบว่า นางชนกสุดาได้เดินทางจากกรุงเทพมหานคร มายังจังหวัดเชียงใหม่เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. ก่อนจะเดินทางกลับไปยังบ้านพัก ต่อมา เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรสันทรายได้รับแจ้งเหตุชาย 1 คน และหญิง 1 คน ขับชนท้ายรถอีกคันหนึ่ง ซึ่งหลังจากตรวจสอบรถที่ก่อเหตุพบว่า เป็นรถของนางชนกสุดา
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรดอยสะเก็ด ได้ข้อมูลจากญาติ และเพื่อนสนิทของผู้เสียชีวิตว่า ไม่สามารถติดต่อผู้เสียชีวิตได้ตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค.เป็นต้นมา จึงได้เข้าทำการตรวจสอบบ้านที่เกิดเหตุ และพบว่า นางชนกสุดาถูกฆาตกรรมเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 5 วันแล้ว พร้อมทั้งพบร่องรอยการรื้อค้นทรัพย์สินภายในบ้านพัก อีกทั้งยังพบว่า นายชาย และนางหลี ซึ่งปกติทำหน้าที่เป็นลุกจ้างของนางชนกสุดาได้หายตัวไป จึงได้ทำการสืบสวนติดตามตัว จนกระทั่งสามารถจับกุมมาดำเนินคดีได้ในที่สุด