กาญจนบุรี - รอง ผบก.ปส.4 ขึ้นโรงพักเมืองกาญจน์ จี้คดีผู้ใต้บังคับบัญชาถูก “นายกเล็กท่าไม้” พร้อมพวกรุมกระทืบ เตรียมยื่นเรื่องต่อศาลเพื่อขออนุมัติถอนประกันกรณีถูกจับขณะเปิดห้องมั่วยาไอซ์ ด้านเจ้าตัวโร่ขึ้นโรงพักแสดงความบริสุทธิ์ พร้อมปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ (3 ธ.ค.) พ.ต.อ.อานันทพงศ์ เชิดเกียรติกุล รอง ผบก.ปส.4 บช.ปส.พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปส.4 บช.ปส.จำนวนหนึ่งนำ ส.ต.อ.เลอสรรค์ อมาตย์เสนา ผบ.หมู่ กก.1 บก.ปส.4ฯ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.มานิตย์ จำลองรักษ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี รรท.ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี และ พ.ต.อ.นิรันทร์ ดีมี รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี เพื่อติดตามความคืบหน้ากรณี ส.ต.อ.เลอสรรค์ ถูกนายกเทศบาลตำบลท่าไม้ พร้อมพวกทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดเมื่อเวลา 02.00 น.ของวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องได้เปิดห้องทำงานของ ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี ในการหารือ โดยใช้เวลาได้ประมาณ 30 นาทีจึงแล้วเสร็จ
ทั้งนี้ ส.ต.อ.เลอสรรค์ อมาตย์เสนา อายุ 30 ปี ผบ.หมู่ กก.1 บก.ปส.4ฯ ผู้เสียหายเปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 02.00 น.ของวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตนได้มานั้งกินข้าวอยู่ที่ตลาดโต้รุ่งตรงข้ามกับ สภ.เมืองกาญจนบุรีเพียงลำพัง ต่อมา มีนายพรรษา สายทอง นายกเทศบาลตำบลท่าไม้ ผู้ต้องหาในคดีมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งอยู่ระหว่างการประกันตัวเพื่อสู้คดี โดยมีพวกประมาณ 10 คน
เมื่อเห็นตนจึงเดินมาชี้หน้าตนพร้อมพูดว่า “มึงระวังตัวไว้ให้ดีครั้งหน้ามึงเจอกูแน่” จากนั้นทุกคนก็เดินขึ้นยนต์ และขับหนีไป จากนั้นตนจึงรีบเดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อเซเว่น-อีเลฟเว่นที่อยู่ใกล้กัน พร้อมกับโทร.แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี และโทร.แจ้งให้เพื่อนตำรวจทราบเพื่อความปลอดภัย ผ่านไปประมาณ 10 นาที ตนจึงเดินออกมาอยู่ที่หน้าร้านพร้อมกับพูดคุยโทรศัพท์ นายพรรษา ได้หวนกลับมาอีกครั้งแล้วเดินตรงมาหาตน แล้วใช้มือบีบที่คอตน พร้อมทั้งผลักตนจนล้มใส่ร้านอาหารที่อยู่ใกล้กัน ทำให้โทรศัพท์มือถือที่กำลังโทรหล่นกระแทกกับพื้นจนพังเสียหาย
จากนั้น มีพวกของนายพรรษาประมาณ 10 คนเดินเข้ามาหาตน ตนจึงรีบเดินเข้าไปในร้านเซเว่น-อีเลฟเว่นอีกครั้งหนึ่ง เพื่อความปลอดภัย แต่พวกนายพรรษาก็ยังตามเข้าไป พร้อมกับพยายามลากตนออกมาด้านนอก ตนจึงเอ่ยว่าให้ใจเย็นๆ มีอะไรค่อยๆ พูดกันก็ได้ นายพรรษา จึงพูดด้วยความโมโหว่า “มึงเอารูปกูไปลงข่าวทำไม” ซึ่งตนพยายามพูดอธิบายให้ฟังว่าไม่ได้เป็นคนเอารูปไปลงข่าว แต่ก็ไม่ยอมเชื่อ
ต่อมา นายพรรษาเข้าใจว่าตนจะอาศัยกล้องวงจรปิดที่อยู่ภายในร้านเพื่อเป็นหลักฐาน จึงได้พูดจาข่มขู่พนักงานในร้านว่าให้ปิดกล้องวงจรปิดทั้งหมดเดียวนี้ ตนจึงบอกให้พนักงานรีบโทร.แจ้งตำรวจ นายพรรษาจึงยอมเดินออกจากร้านไป แต่พวกของนายพรรษาก็ยังคงพูดจาข่มขู่ตนอยู่ตลอดเวลา
จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรีเดินทางมาถึง ตนจึงรีบเข้าไปหาพร้อมกับแนะนำตัวว่าตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติด และเคยจับกุมตัวนายพรรษา มาก่อน ในเวลาเดียวกัน ได้มีพวกของนายพรรษากระโจนเข้าใส่ตนพร้อมกับชกเข้าที่บริเวณเบ้าตาขวาของตนอย่างแรงจนตาซ้ายเขียวช้ำ และตนล้มลงกับพื้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงกันไว้ พร้อมกับนำตนไปที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับตลาดโต้รุ่ง โดยทั้งๆ ที่ตนอยู่บนโรงพักกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ นายพรรษากับพวกประมาณ 3 คนก็ยังตามไปพูดจาข่มขู่ตน โดยไม่เกรงกลัวกฎหมายแต่อย่างใด
ซึ่งตนได้แจ้งความต่อ พ.ต.ท.ประวิตร เที่ยงน่วม พนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจน์ ต่อนาย พรรษา สายทอง กับพวก 2 คน ในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกาย และทำให้เสียทรัพย์ ส่วนสาเหตุเชื่อว่า นายพรรษา ถูกจับกุมพร้อมยาไอซ์จำนวนหนึ่งเมื่อกลางดึกของวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ระหว่าการประกันตัวออกมาเพื่อสู้คดี เมื่อเห็นตนจึงเกิดความแค้น และพาพวกมาทำร้ายตนจนได้รับบาดเจ็บ
ด้าน พ.ต.อ.อานันทพงศ์ เชิดเกียรติกุล รอง ผบก.ปส.4 บช.ปส.ผู้บังคับบัญชาของ ส.ต.อ.เลอสรรค์ กล่าวว่า การเดินทางมาครั้งนี้ก็เพื่อเข้าพบรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรีทั้ง 2 ท่าน เพื่อหารือเกี่ยวกับคดีของนายพรรษา สายทอง ที่ก่อเหตุทำร้ายร่างกายผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งเราได้รับความร่วมมือจากทั้งสองท่านเป็นอย่างดี จากนี้ไปตนจะทำเรื่องไปที่ศาลเพื่อขอให้ท่านเพิกถอนการประกันตัวต่อนายพรรษา แต่อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างขึ้นอยู่กับว่าศาลท่านจะอนุมัติตามคำขอหรือไม่
ต่อมา หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปส.4 บช.ปส.ทั้งหมดเดินทางกลับ ปรากฏว่า นายพรรษา สายทอง อายุ 37 ปี ได้เดินทางมาที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี ด้วยการแต่งกายเครื่องแบบเต็มยศ พร้อมกับกล่าวว่า ตนขอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ยืนยันว่าคืนวันนั้นตนมาเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่มีพรรคพวกตามมาแต่อย่างใด ซึ่งหลังจากที่ตนเห็น ส.ต.อ.เลอสรรค์ ตนก็จำได้ว่าเคยจับกุมตน แต่ตนเพียงเข้าไปพูดคุย และทักทายเท่านั้น แต่อยู่ๆ คนที่รู้จักตนเดินทางมาพบเข้าพอดี และเข้าใจผิดว่าตนกำลังมีเรื่อง จึงได้กระโดดชกหน้า ส.ต.อ.เลอสรรค์ ทันที ซึ่งตนขอยืนยันอีกครั้งว่า ตนไม่ได้เป็นคนลงมือทำร้ายผู้บาดเจ็บแต่อย่างใด อีกทั้งตนยังมีคดีความอยู่จึงไม่กล้าแม้แต่จะคิด ส่วนเรื่องคดีความเรื่องถูกจับกุมเรื่องยาเสพติดนั้น ตนขอไปให้การในชั้นศาลเท่านั้น
ด้าน พล.ต.ต.กมลสันต์ กลั่นบุศย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลายคนเกรงว่า คดีนี้อาจเป็นมวยล้ม เพราะผู้ต้องหามีอิทธิพล ตนขอยืนยันว่าคดีนี้ไม่ล้มแน่นอน เราจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา และให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย ใครผิดก็ว่ากันไปตามกฎหมาย ไม่ละเว้น ส่วนกรณีการถอนประกันตัวในคดีที่ ปส.จับกุม นายพรรษา ในข้อหามั่วยาเสพติด และมียาไอซ์ไว้ในครอบครอง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา ทาง ปส.จะต้องไปร้องขอต่อศาลเพื่อขอถอนการประกันตัว เนื่องจากผู้ต้องหามีพฤติกรรมข่มขู่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ ต่อไป