พระนครศรีอยุธยา - ชาวบ้านร้องโรงเรียนในเขตเทศบาลนครกรุงเก่า ทิ้งนมเน่าทิ้งลงท่อระบายน้ำส่งกลิ่นเหม็นรบกวนชาวบ้านไปทั่ว รองนายกเทศมนตรีฯ ลงพื้นที่ตรวจสอบ พร้อมสั่งระงับการทิ้ง ผอ.โรงเรียนเผยนมที่ทิ้งเป็นนมที่ได้รับแจกมาตามงบประมาณของเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยาจากน้ำท่วมเมื่อปี 54
วันนี้ (29 พ.ย.) พ.อ.อ.สุวัฒน์ สรรพโกศลกุล รองนายกเทศมนตรี เทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ดูแลกองการประปา และกองพัฒนาสังคม เดินทางไปยังชุมชนวัดป่าโค ม.7 ต.หันตรา อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งอยู่ในเขตเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา หลังจากได้รับร้องเรียนจากประชาชนว่ามีกลิ่นเน่าเหม็นอย่างรุนแรงบริเวณศูนย์รับเลี้ยงเด็กเล็กพีระยานาวิน จึงเข้าไปตรวจสอบพบว่ามีกลิ่นฉุนเหม็นเน่าอย่างรุนแรง ที่บริเวณริมถนนทางเดินหน้าอาคารศูนย์เด็กเล็ก และยังพบว่า น้ำในร่องน้ำมีสีขุ่นขาว มีฟอง และส่งกลิ่นเหม็น จนครู และพี่เลี้ยงรวมทั้งเด็กๆ ของศูนย์จำนวน 240 คน ต้องใช้ผ้าปิดจมูกเนื่องจากทนกลิ่นเหม็นไม่ไหว
จากการสอบถามนายรุท แจ่งปัญญา ผู้ดูแลศูนย์ทราบว่า กลิ่นเหม็นดังกล่าวมาจากร่องน้ำดังกล่าว ซึ่งไหลมาจากโรงเรียนเทศบาลวัดป่าโค เลขที่ 1/9 ม.7 ต.หันตรา อ.พระนครศรีอยุธยา ที่อยู่ติดกับทางศูนย์เด็กเล็ก โดยมีกลิ่นเหม็นมาหลายวันแล้วโดยไม่ทราบว่ามาจากสาเหตุใด หลังจากนั้น รองนายกเทศมนตรีจึงเข้าไปตรวจสอบที่โรงเรียนเทศบาลวัดป่าโค และพบว่า สาเหตุที่ทำให้เกิดน้ำเน่าเสีย และส่งกลิ่นเหม็นนั้นเนื่องจากทางโรงเรียนได้นำนมกล่องจำนวนมากทิ้งลงไปในท่อระบายน้ำ และน้ำได้ไหลลงไปยังบริเวณศูนย์เด็กเล็กฯ และตามท่อระบายน้ำของชุมชน
นางจารุวรรณ อัมพวา ผู้อำนวยการโรงเรียนเทศบาลวัดป่าโค ยอมรับว่า ได้นำนมกล่องสำหรับแจกเด็กนักเรียนทิ้งลงไปในท่อระบายน้ำของโรงเรียน และไม่คิดว่าน้ำนมจะไปขัง และระบายไปยังศูนย์เด็กเล็กข้างเคียง
ผู้อำนวยการโรงเรียนฯ เปิดเผยต่อว่า นมที่ทิ้งนั้นเป็นนมกล่องยูเอชทีที่ได้รับแจกมาตามงบประมาณของเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา เมื่อช่วงก่อนน้ำท่วมคือเดือน ต.ค.2554 และเมื่อเกิดน้ำท่วมจนถึงปลายเดือน พ.ย.2554 ก็เก็บนมเอาไว้จนกระทั่งพบว่านมเสีย จึงได้นำน้ำนมมาทิ้งใส่ในท่อระบายน้ำ แล้วเก็บเอากล่องนมไปรีไซเคิลเป็นสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ไม่คิดว่าจะเกิดปัญหาขึ้น ซึ่งนมที่ทิ้งไปจำนวน 50 ลัง และยังเหลืออีกบางส่วนเก็บเอาไว้ เนื่องจากตั้งใจที่จะทยอยทิ้ง แต่เมื่อเห็นว่าเกิดปัญหาจึงเก็บเอาไว้ก่อน
พ.อ.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า หลังจากตรวจพบปัญหาแล้วได้ชี้แจงให้ทางโรงเรียนทราบว่า การทิ้งนมที่เสียลักษณะนี้ไม่ถูกต้อง เนื่องจากพื้นที่ข้างเคียงไม่มีระบบระบายน้ำที่รองรับกัน ทำให้น้ำนมไปขังบริเวณข้างเคียงเกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมในชุมชน เบื้องต้นก็จะนำอีเอ็มมาโรยเพื่อแก้ปัญหาน้ำเน่าเสียก่อน และจะมาหารือกันว่าจะแก้ปัญหาเรื่องการระบายน้ำอย่างไร
นอกจากนี้ จะได้ประสานไปยังโรงเรียนต่างๆ เพื่อให้ชี้แจงว่า ในช่วงน้ำท่วมมีการเก็บนมเอาไว้หรือไม่ และนมเหล่านั้นมีการน่าเสีย และมีการนำไปทำลาย หรือยัง ทำกันอย่างไร ซึ่งหากนมเสียให้แจ้งทางเทศบาลเพื่อนำไปจัดการเอง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมต่อไป
วันนี้ (29 พ.ย.) พ.อ.อ.สุวัฒน์ สรรพโกศลกุล รองนายกเทศมนตรี เทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ดูแลกองการประปา และกองพัฒนาสังคม เดินทางไปยังชุมชนวัดป่าโค ม.7 ต.หันตรา อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งอยู่ในเขตเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา หลังจากได้รับร้องเรียนจากประชาชนว่ามีกลิ่นเน่าเหม็นอย่างรุนแรงบริเวณศูนย์รับเลี้ยงเด็กเล็กพีระยานาวิน จึงเข้าไปตรวจสอบพบว่ามีกลิ่นฉุนเหม็นเน่าอย่างรุนแรง ที่บริเวณริมถนนทางเดินหน้าอาคารศูนย์เด็กเล็ก และยังพบว่า น้ำในร่องน้ำมีสีขุ่นขาว มีฟอง และส่งกลิ่นเหม็น จนครู และพี่เลี้ยงรวมทั้งเด็กๆ ของศูนย์จำนวน 240 คน ต้องใช้ผ้าปิดจมูกเนื่องจากทนกลิ่นเหม็นไม่ไหว
จากการสอบถามนายรุท แจ่งปัญญา ผู้ดูแลศูนย์ทราบว่า กลิ่นเหม็นดังกล่าวมาจากร่องน้ำดังกล่าว ซึ่งไหลมาจากโรงเรียนเทศบาลวัดป่าโค เลขที่ 1/9 ม.7 ต.หันตรา อ.พระนครศรีอยุธยา ที่อยู่ติดกับทางศูนย์เด็กเล็ก โดยมีกลิ่นเหม็นมาหลายวันแล้วโดยไม่ทราบว่ามาจากสาเหตุใด หลังจากนั้น รองนายกเทศมนตรีจึงเข้าไปตรวจสอบที่โรงเรียนเทศบาลวัดป่าโค และพบว่า สาเหตุที่ทำให้เกิดน้ำเน่าเสีย และส่งกลิ่นเหม็นนั้นเนื่องจากทางโรงเรียนได้นำนมกล่องจำนวนมากทิ้งลงไปในท่อระบายน้ำ และน้ำได้ไหลลงไปยังบริเวณศูนย์เด็กเล็กฯ และตามท่อระบายน้ำของชุมชน
นางจารุวรรณ อัมพวา ผู้อำนวยการโรงเรียนเทศบาลวัดป่าโค ยอมรับว่า ได้นำนมกล่องสำหรับแจกเด็กนักเรียนทิ้งลงไปในท่อระบายน้ำของโรงเรียน และไม่คิดว่าน้ำนมจะไปขัง และระบายไปยังศูนย์เด็กเล็กข้างเคียง
ผู้อำนวยการโรงเรียนฯ เปิดเผยต่อว่า นมที่ทิ้งนั้นเป็นนมกล่องยูเอชทีที่ได้รับแจกมาตามงบประมาณของเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา เมื่อช่วงก่อนน้ำท่วมคือเดือน ต.ค.2554 และเมื่อเกิดน้ำท่วมจนถึงปลายเดือน พ.ย.2554 ก็เก็บนมเอาไว้จนกระทั่งพบว่านมเสีย จึงได้นำน้ำนมมาทิ้งใส่ในท่อระบายน้ำ แล้วเก็บเอากล่องนมไปรีไซเคิลเป็นสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ไม่คิดว่าจะเกิดปัญหาขึ้น ซึ่งนมที่ทิ้งไปจำนวน 50 ลัง และยังเหลืออีกบางส่วนเก็บเอาไว้ เนื่องจากตั้งใจที่จะทยอยทิ้ง แต่เมื่อเห็นว่าเกิดปัญหาจึงเก็บเอาไว้ก่อน
พ.อ.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า หลังจากตรวจพบปัญหาแล้วได้ชี้แจงให้ทางโรงเรียนทราบว่า การทิ้งนมที่เสียลักษณะนี้ไม่ถูกต้อง เนื่องจากพื้นที่ข้างเคียงไม่มีระบบระบายน้ำที่รองรับกัน ทำให้น้ำนมไปขังบริเวณข้างเคียงเกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมในชุมชน เบื้องต้นก็จะนำอีเอ็มมาโรยเพื่อแก้ปัญหาน้ำเน่าเสียก่อน และจะมาหารือกันว่าจะแก้ปัญหาเรื่องการระบายน้ำอย่างไร
นอกจากนี้ จะได้ประสานไปยังโรงเรียนต่างๆ เพื่อให้ชี้แจงว่า ในช่วงน้ำท่วมมีการเก็บนมเอาไว้หรือไม่ และนมเหล่านั้นมีการน่าเสีย และมีการนำไปทำลาย หรือยัง ทำกันอย่างไร ซึ่งหากนมเสียให้แจ้งทางเทศบาลเพื่อนำไปจัดการเอง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมต่อไป