อุบลราชธานี-เจ้าของทองคำแท่งและแหวนเพชรมูลค่ากว่า 3 แสนบาทที่ลืมไว้บนรถแท็กซี่หอบกระเช้าอาหารบำรุงกำลังชุดใหญ่ขอบคุณครอบครัวเสี่ยร้านเครื่องไฟฟ้าที่เก็บกระเป๋าได้ โดยเสี่ยขอกระเป๋าและขอซื้อทองคำแท่งหนัก 1 บาทเก็บไว้เป็นที่ระลึกใช้สอนลูกหลานรุ่นต่อไปให้มีความซื่อสัตย์
สืบเนื่องจากนายวัลลภ จงสุวัฒน์ อายุ 55 ปี เจ้าของร้านจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าสีลม-วีเทค ตั้งอยู่ใน อ.เมือง จ.อุบลราชธานี เก็บกระเป๋าบรรจุทองคำแท่ง เครื่องทองรูปพรรณ และแหวนเพชร รวมทั้งเงินสดมูลค่ากว่า 3 แสนบาท ขณะนั่งรถแท็กซี่ในกรุงเทพฯ ไปขึ้นเครื่องบินกลับบ้านเกิดเมื่อเช้ามืดวันที่ 19 พ.ย. ต่อมาสถานีวิทยุ จส.100 ได้ประสานให้เจ้าของทรัพย์สินติดต่อกับนายวัลลภเพื่อขอรับทรัพย์สินคืนนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 11.30 น. วันนี้ (22 พ.ย.) ที่ปั๊มจำหน่ายแก๊ส หจก.สีลม ถ.พิชิตรังสรรค์ ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี นางศุภานัน อภิสัณห์ อายุ 52 ปี เจ้าของที่ลืมกระเป๋าใส่เครื่องทองและแหวนเพชร พร้อมครอบครัวได้เดินทางด้วยรถยนต์มาพบนายวัลลภ โดยนำกระเช้าของขวัญอาหารบำรุงกำลังขนาดใหญ่มาแสดงความขอบคุณที่ช่วยเก็บรักษาทรัพย์สิน และพยายามติดต่อนางศุภานันให้มารับทรัพย์สินคืนไป
เมื่อนายวัภภล และบิดาคือนายคุ่งแถน จงสุวัฒน์ นำกระเป๋ามอบให้นางศุภานันได้เปิดตรวจนับทรัพย์สิน โดยมี ร.ต.อ.โสภณ ประดา พนักงานสอบสวน สภ.เมือง เจ้าของเรื่องที่รับแจ้งความไว้เป็นสักขีพยาน ซึ่งทรัพย์สินทั้งหมดอยู่ครบตามจำนวน
ระหว่างนั้นนายวัลลภได้แสดงความจำนงต่อนางศุภานันขอกระเป๋าและขอซื้อทองคำแท่งหนัก 1 บาทในราคา 25,000 บาท เพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกให้ลูกหลานของตระกูลได้รักษาความดีงามที่คนรุ่นพ่อได้ทำไว้
นายวัลลภกล่าวถึงความรู้สึกวันแรกที่เก็บกระเป๋าใส่ทองได้ว่า นึกย้อนหลังไปถึงตอนลูกของตนทำกระเป๋าใส่สตางค์หล่นหายบนรถเมล์ยังบ่นเสียดายและร้องไห้อยู่หลายวัน จึงคิดว่าทรัพย์สินมีค่าจำนวนมากที่อยู่ในกระเป๋าที่เก็บได้เจ้าของก็คงเสียดายและอยากได้คืน
จึงได้ติดต่อให้แท็กซี่ช่วยแจ้งสถานีวิทยุประกาศหาตัวเจ้าของให้ด้วย ความดีที่เกิดขึ้นทั้งหมดต้องยกให้บิดาของตนที่อบรมสั่งสอนมาตั้งแต่เด็กให้มีความซื่อสัตย์ ไม่เห็นแก่ได้จากทรัพย์สินของผู้อื่น เพราะแค่ประกอบธุรกิจทุกวันนี้ครอบครัวของตนก็พออยู่ได้อย่างสบายแล้ว
ด้านนางศุภานันกล่าวว่า ตนโชคดีที่คนเก็บทรัพย์สินได้ครั้งนี้เป็นคนซื่อสัตย์ ไม่อยากได้ของคนอื่น ไม่เช่นนั้นครอบครัวของตนคงลำบากเพราะขาดเงินไปใช้หมุนเวียนในธุรกิจที่กำลังย่ำแย่ ต้องขอขอบคุณนายวัลลภและครอบครัวเป็นอย่างมากด้วย
หลังจากใช้เวลาส่งมอบทรัพย์สินและพูดคุยกันประมาณ 30 นาที นางศุภานันได้เชิญครอบครัวนายวัลลภไปร่วมรับประทานอาหารจีนที่โรงแรมแห่งหนึ่งใกล้สถานที่ประกอบการ ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน