สระบุรี - สองสามีภรรยาพร้อมลูก 4 คน ขึ้นรถไฟจากอุดรธานี มุ่งหน้าไปประจวบคีรีขันธ์ เกิดมีปากเสียงกันมาตลอดทางบนรถไฟ เหตุฝ่ายสามีระแวงฝ่ายเมียจะกลับไปคืนดีกับแฟนเก่าที่เลิกรากันมากว่า 10 ปี ฝ่ายสามีตัดสินใจอุ้มลูกวัย 2 ขวบลงจากขบวนรถที่สถานีรถไฟผาเสด็จ สระบุรี เดินหนีหายไป ปล่อยให้เมียกับลูกวัย 6 ขวบที่วิ่งตามลงมาจากรถตามไม่ทัน แจ้งเจ้าหน้าที่เข้าช่วย เมียเผยฝ่ายสามีดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง และกาแฟกระป๋องวันละหลายขวดจนมีอาการเบลอ
เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (21 พ.ย.) นายเกษม สินธุ์ชัย นายสถานีรถไฟผาเสด็จ ท้องที่ ม.5 ต.ทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี แจ้งขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ และสถานีตำรวจแก่งคอย ให้จัดส่งเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือติดตามผู้โดยสารที่มาลงสถานีเป็นสองสามีภรรยาทะเลาะกัน ฝ่ายสามีอุ้มลูกชายคนเล็กวัย 2 ขวบเดินตามหมอนรถไฟจะไปออกทางถนนมิตรภาพ แล้วหายตัวไป ส่วนภรรยานั่งร้องไห้อยู่กับลูกชายคนโตวัย 6 ขวบอยู่ที่สถานีโดยไม่มีเงินติดตัวแม้แต่บาทเดียว
เมื่อผู้สื่อข่าวไปตรวจสอบพบ นางฝน วิชาเรือง อายุ 34 ปี บ้านเดิมอยู่ในเขตเทศบาลเมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี นั่งร้องไห้อยู่ที่ชานชาลาด้านหน้าสถานี ข้างตัวมีกระเป๋าใส่เสื้อผ้า 1 ใบ และถุงพลาสติกใส่เสื้อผ้าเด็กอีก 1 ใบ โดยมี ด.ช.บอยวัย 6 ขวบลูกชายนั่งหลับอยู่ด้านหลัง
นางฝน เปิดเผยว่า ตนกับสามีชื่อนายสมชาย เต่าทอง อายุ 35 ปี อาชีพเป็นพ่อบ้านในหอพักแห่งหนึ่งใน จ.อุดรฯ ปกติชอบดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง และกาแฟกระป๋องวันละหลายขวดจนระยะหลังๆ มีอาการเบลอ เหมือนคนเมาสุรา เดินทางพร้อมกับลูกชายทั้งสองคนจาก จ.อุดรธานี จะไปบ้านสามีที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขณะโดยสารมาบนขบวนรถไฟได้ทะเลาะมีปากเสียงกันมาตลอดทาง ซึ่งนายสมชายสามี ระแวงว่าตนจะไปคืนดีกับแฟนเก่าที่เลิกกันมานับสิบปีแล้ว เมื่อรถวิ่งมาถึงสถานี “ผาเสด็จ” สามีได้อุ้มลูกชายคนเล็กชื่อ ด.ช.บี้ วัย 2 ขวบลงจากขบวนรถ ตนจึงรีบจูงมือ ด.ช.บอย ลงตามเมื่อลงไปที่ด้านหน้าสถานีแล้วได้ทะเลาะกันต่อ แล้วนายสมชาย สามีได้รื้อค้นนำเงิน 7 พันบาทเศษ พร้อมสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาทไปจากตน แล้วอุ้ม ด.ช.บี้ เดินไปตามรางรถไฟมุ่งหน้าจะไปออกถนนมิตรภาพที่อยู่ห่างกันกว่า 2.5 กม.ตนออกวิ่งร้องตามให้กลับ นายสมชายก็ไม่ฟัง เมื่อตนตามไม่ทันจึงกลับมาแจ้งให้เจ้าหน้าที่สถานีรถไฟให้ช่วยเหลือ
นายเกษม สินธุ์ชัย นายสถานีรถไฟผาเสด็จเปิดเผยว่า สองสามีภรรยาคู่นี้มากับขบวนรถที่ 234 วิ่งระหว่างสุรินทร์-กรุงเทพฯ ถึงสถานีเมื่อเวลา 12.24 น. วันนี้ (21 พ.ย.) ในชั้นแรกคิดว่าเป็นเรื่องของครอบครัวที่มีปากเสียงกันจึงไม่สนใจ แต่เมื่อฝ่ายภรรยาวิ่งมาร้องขอความช่วยเหลือจึงทราบเรื่องที่เกิดขึ้น ตนจึงได้ประสานขอความช่วยเหลือไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และมูลนิธิฯมาช่วยเหลือ
แต่เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงก็ไม่พบนายสมชายกับลูกแล้ว โดยได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า เห็นมีรถเก๋งสีน้ำตาลไม่ทราบยี่ห้อรับ 2 พ่อลูกขึ้นรถไป แต่ก็มีร้านค้าริมทางแจ้งว่านายสมชายได้อุ้มลูกร้องไห้มาขอน้ำดื่ม เมื่อสอบถามได้ตอบว่าจะไปวัด เมื่อเจ้าหน้าที่ติดตามไปสอบถาม และค้นหาตามสถานีตำรวจ โรงพยาบาล และวัดใกล้เคียงในย่านนั้นก็ไม่พบแต่อย่างใด ในชั้นนี้คาดว่านายสมชาย อาจเดินทางกลับบ้านที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ไปแล้วก็ได้ ส่วนนางฝน แจ้งความประสงค์ต้องการจะเดินทางกลับบ้านที่ จ.อุดรธานี ซึ่งตนจะได้ให้การช่วยเหลือส่งกลับบ้านตามความต้องการต่อไป